“ท่านอาจารย์ เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?”
เสี่ยวอานจื่อสีหน้าเป็นกังวล
หลี่เต๋อฝูถอนหายใจดังเฮ้อ “อย่าพูดเลย เสี่ยวเสวียนจื่อช่างบังอาจเสียจริง กล้าพาลูกเข้ามาในวัง...”
หลี่เต๋อฝูพูดเพียงครึ่งเดียว จู่ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา
วังเย็น ทารก เสี่ยวเสวียนจื่อ พระสนมอิน...
หรือว่าเด็กคนนี้คือลูกของฝ่าบาท...
ความคิดที่ถาโถมเข้ามากะทันหัน ทำให้หลี่เต๋อฝูตกใจกลัว
ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยว่าเสี่ยวเสวียนจื่อก็คือพระสนมอิน แต่เมื่อเห็นเขาออกอุบายให้ฝ่าบาทอยู่หลายครั้ง ความคิดนี้ก็ถูกเก็บไว้ในใจ
ไม่ว่าเขาเป็นใคร ขอเพียงทำประโยชน์ต่อต้าโจว และทำให้ฝ่าบาทมีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ทว่าวันนี้มีเด็กคนหนึ่งโผล่ออกมา คือว่า... เรื่องนี้ต้องทูลฝ่าบาทหรือไม่?
หลี่เต๋อฝูเดินวนไปมาในเรือนอยู่หลายรอบ พลางส่ายหัว
ไม่ได้
ตระกูลอินเป็นคนทรยศ หากเสี่ยวเสวียนจื่อคือพระสนมท่านนั้นจริงๆ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
อีกทั้งพระสนมผู้นี้ได้ตายไปหลายวันก่อนหน้าแล้ว เหตุใดจึงสามารถฟื้นขึ้นมาตายอีกรอบได้
หากไม่ปฏิบัติอย่างถูกต้อง เด็กก็จะเป็นอันตรายไปด้วย
และสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ชัดเจนนัก ทุกสิ่งยังเป็นเพียงแค่การคาดเดาของเขา...
เมื่อเห็นว่าหลี่เต๋อฝูพูดเพียงครึ่งเดียว และเริ่มเดินไปเดินมาอีกครั้ง เสี่ยวอานจื่ออดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปด้วย
“ท่านอาจารย์ สรุปว่าเสี่ยวเสวียนจื่อเป็นอะไรขอรับ”
หลี่เต๋อฝูพูดขึ้นด้วยจิตใจที่สับสนวุ่นวาย “เขาเอาลูกเข้ามาอยู่ในวังเย็น เมื่อฝ่าบาททรงเห็นเข้าก็โกรธมาก และสั่งให้คนปิดตายเขาและเด็กอยู่ในวังเย็นด้วยกัน”
“หา?”
เสี่ยวอานจื่อสีหน้าตกใจ
“เช่นนั้นเสี่ยวเสวียนจื่อคงแย่เลยสิ ท่านอาจารย์ต้องขอร้องฝ่าบาท ให้พระองค์ทรงเมตตาด้วยนะขอรับ”
หลี่เต๋อฝูก่นด่า “ขอร้องบ้าอะไรกัน หากว่าฝ่าบาทไม่ทรงมีเมตตา เสี่ยวเสวียนจื่อคงตายไปนานแล้ว พวกเราติดตามฝ่าบาทมานานขนาดนี้ เคยเห็นพระองค์อดกลั้นต่อบ่าวคนใดหรือไม่ คิดดูสิว่าพระชายาหวนมีจุดจบอย่างไร วันนี้เขาถูกปิดตายในวังเย็น ถือเป็นพระคุณอันใหญ่หลวงแล้ว”
เมื่อได้ยินคำว่าพระชายาหวน เสี่ยวอานจื่อก็ตัวหนาวสั่นขึ้นมา
หลังจากฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ก็ทรงประหารขันทีและข้าหลวงหญิงเกือบทั้งหมดในวังของมารดาผู้ให้กำเนิด เหลือเพียงหมัวมัวอาวุโสและขันทีน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
เล่ากันว่าเลือดของคนเหล่านั้นย้อมวังจินอู๋ให้เป็นสีแดงทั่วทั้งวัง ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดฝ่าบาทลงมือสังหาร รู้เพียงแต่ว่าค่ำคืนนั้นในวังจินอู๋เต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้และเสียงกรีดร้อง...
เสี่ยวอานจื่อเงียบปากลงทันที
เขาถอนหายใจและพูดว่า เสี่ยวเสวียนจื่อเอ๊ย เจ้าช่างกล้าเหลือเกิน เหตุใดจึงเอาลูกเข้ามาในวังได้เล่า
หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ!
...
ณ วังเย็น
อินชิงเสวียนหลับไปอย่างสนิทและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย
เมื่อลืมตาในเช้าวันถัดมา ก็รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก
บ่าวไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ต้องค้อมตัวคุกเข่าด้วยความหวาดกลัวทั้งวัน อยู่ในวังเย็นเป็นอิสระมากกว่าเสียอีก
อินชิงเสวียนตัดสินใจพักผ่อนอยู่หลายวัน และค่อยคิดหาทางออกจากวัง
เพียงแต่เมื่อคิดว่าไม่ได้พบกับกวนฮั่นหลินแม่ทัพเฒ่า ก็รู้สึกหดหู่ในใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าปริศนากำลังจะคลี่คลาย ก็มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เย่จิ่งอวี้อยู่ดีไม่ว่าดี มีวังมากมายกลับไม่ไป และต้องมาวังเย็นให้ได้
หรือเขาเริ่มสงสัยในตัวเองแล้ว?
นึกได้เช่นนี้ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้ว
แค่นี้ก็ได้แล้ว!
แม้ว่าอินชิงเสวียนจะเสียดายห้าสิบคะแนนอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าขาดทุน
จากนั้นก็ใช้แปดคะแนนเพื่อแลกกล้องวงจรปิดสี่ตัวและปลั๊กไฟหนึ่งอัน
ยายหลี่และอวิ๋นฉ่ายต่างยุ่งอยู่กับงานในบ้าน อินชิงเสวียนจึงได้ศึกษาวิธีการติดตั้งและหารใช้งานกังหันลมนี้
ไม่นานอินชิงเสวียนก็ค้นพบบางสิ่ง ตัวเองไม่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อจอมอนิเตอร์
ตอนนี้นางมีเครื่องปั่นไฟแล้ว การติดตั้งโทรศัพท์มือถือก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
มาที่นี่ค่อนข้างนาน อินชิงเสวียนแทบลืมสิ่งที่เรียกว่าทรศัพท์มือถือไปเสียสนิท เมื่อนึกได้ในตอนนี้ก็คันมือขึ้นมาทันที
ถ้าหากว่านอนบนเปลญวน กินองุ่นไปพร้อมกับไถหน้าจอดูคลิป จะสบายใจแค่ไหนกันเชียว
นางกลับไปยังร้านค้าคะแนนสะสมอีกครั้ง ด้านในมีสมาร์ตโฟนมากมายจริงๆ เพียงแต่ยี่ห้อที่นางรู้จัก ราคาแลกคะแนนสะสมล้วนอยู่ที่ห้าร้อยขึ้นไป อินชิงเสวียนทำใจแลกไม่ได้จริงๆ สุดท้ายเมื่อไตร่ตรองดูแล้ว จึงกัดฟันแลกหนึ่งร้อยคะแนน ซึ่งเป็นมือถือยี่ห้อสับปะรดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เสียงเพลงเปิดเครื่องดังมาก ด้านในมีเสียงประกาศดังออกมาจากด้านใน “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ฉันคือสับปะรดที่รักของคุณ”
อินชิงเสวียนไปไม่เป็นจนอยากจะยกเท้าขึ้น แต่วินาทีต่อมากลับรู้สึกปวดใจเล็กน้อย
โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณและไม่สามารถเปิดซอฟต์แวร์วิดีโอใดๆ ได้เลย
หรือนี่เป็นสาเหตุที่มันราคาถูก
อินชิงเสวียนอยากลองเปลี่ยนเป็นยี่ห้อหางเหว่ยดู เมื่อมองเห็นคะแนนที่เหลือไม่มากก็ได้แต่ถอดใจ
คงจะน่ากลัวมากถ้ามีสัญญาณในสถานที่แบบนี้
โชคดีที่ด้านในมีมินเกมที่ติดมากับเครื่อง ซึ่งสามารถฆ่าเวลาได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือใช้มันเพื่อเชื่อมต่อกล้องวงจร
อินชิงเสวียนหยิบเจ้ามือถือสับปะรดของนางออกมาจากมิติคะแนน นางกินข้าวอย่างเร่งรีบ และเริ่มลงมือทำงาน
หลังจากใช้เวลาทั้งวันในการทำงาน ในที่สุดก็ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จในตอนกลางคืน เซลล์สมองของอินชิงเสวียนหมดแรงไปกับสิ่งนี้ไม่น้อย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็กลับมาที่ตำหนักด้านใน ทันทีที่เปิดโทรศัพท์สับปะรดออกมาก็เห็นคนปรากฏตัวบนหน้าจอ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...