สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1204

เมื่ออินชิงเสวียนสองสามีภรรยามาถึงเชิงเขา ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างเป็นสีขาวเงินแล้ว

ท่ามกลางแสงสลัวยามเช้า ชาวบ้านหลายคนได้เดินทางไปตลาดโดยถือผัก ไข่ และสิ่งของอื่นๆ ที่ตนเองปลูกไว้ เพื่อนำไปแลกกับของใช้ในครัวเรือน หรือขายเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ

ที่ด้านหน้าของอิ๋นเฉิง ยิ่งมีคนจำนวนมากที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่รอรับการรักษาพยาบาล ผู้อาวุโสของอิ๋นเฉิงที่เส้นผมหงอกขาวหลายคนนั่งอยู่หลังโต๊ะเล็กๆ และเริ่มทำการตรวจรักษา

แม้ว่าจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แม้ต้องเผชิญกับชาวบ้านที่ตรวจรักษาได้ยาก ก็ไม่เบื่อหน่ายแม้แต่น้อย ยังสอบถามอย่างละเอียดรอบคอบ

เด็กผู้ช่วยเตรียมยาที่อยู่ข้างหลังได้จัดเรียงสมุนไพรเป็นหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แจกจ่ายให้กับคนที่อยู่ข้างหลังตามอาการของพวกเขาอย่างเป็นระบบระเบียบ

ท่ามกลางการต่อแถวอันยาวเหยียดนี้ ยังมีคนวัยหนุ่มสองคนปะปนมาด้วย

ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าหน้าตาหล่อเหลา เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนที่ให้อารมณ์ร่าเริง มีไฝสีแดงระหว่างคิ้วดูโดดเด่นเป็นพิเศษ เพิ่มความเย้ายวนใจให้กับใบหน้าอันหล่อเหลาดวงนั้น

คนที่อยู่เบื้องหลังเขาแต่งตัวดีพอๆ กัน แต่รูปร่างหน้าตาไม่ดีเลย เขาสวมเสื้อคลุมผ้าสีแดงเข้มคุณภาพสูง ไม่เพียงแต่จะดูไม่สูงส่งสักหน่อย แต่กลับให้ความรู้สึกน่ารังเกียจแทน

ซึ่งสองคนนี้คือเย่จิ่งหลานและหวังซุ่น

หลังจากออกจากทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ เย่จิ่งหลานยิ่งคิดว่าควรหาคะแนนเพิ่มมากขึ้น สว่านไฟฟ้าธรรมดาไม่เพียงพอที่จะเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้ ต้องค้นหาอาวุธที่ทรงพลังกว่านี้

เขาไม่เชื่อว่าก้อนหินเส็งเคร็ง นั่นจะมีปริศนาอะไร ต้องเป็นเพราะอาวุธของเขาไม่คมพอแน่ๆ

อย่างไรก็ตามคะแนนสะสมช่างน่าอนาถมาก แม้ว่าเขาจะเดินไปตามถนนและตะโกนว่ารักษาฟรีก็ตาม ก็ไม่มีใครยอมเชื่อเด็กหนุ่มที่อายุไม่กี่ปีนี้

เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กเหลือขออย่างเย่จิ่งหลาน เหล่าผู้เฒ่าหนวดเคราขาวของอิ๋นเฉิงต่างหาก ถึงจะเป็นเทพที่มีชีวิตจริงๆ

เย่จิ่งหลานไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ จึงรู้สึกไม่พอใจมาก วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาเปิดหูเปิดตาที่อิ๋นเฉิงสักหน่อย ดูว่าคนแก่ชราเหล่านี้มีทักษะสูงส่งแบบไหนกันแน่

ในแถวอีกด้านหนึ่ง ชายคนหนึ่งสวมหมวกไม้ไผ่กำลังยืนเดินกะโผลกกะเผลกอยู่ จากแขนเสื้อที่สั่นเทา เห็นได้ง่ายว่าชายคนนี้กำลังเจ็บปวดอย่างมาก

หวังซุ่นรอคอยจนรู้สึกเบื่อ กวาดสายตามองไปรอบๆ ก็บังเอิญเห็นคนผู้นั้น เขาอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของเย่จิ่งหลาน

กระซิบว่า “นายท่าน คนผู้นั้นดูเหมือนจะป่วยมาก”

เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า

“ดูค่อนข้างจะสาหัสจริงๆ เจ้าไปถามดูหน่อย บอกว่าเรารักษาให้โดยไม่คิดเงิน แถมยังมีที่อยู่มีของของกินให้ด้วย ดูว่าเขาเต็มใจจะมาไหม”

“ได้เลย คอยดูฝีมือข้าเถอะ”

หวังซุ่นลูบใบหน้าของเขาเบาๆ พยายามฝืนยิ้มอย่างใจดี แต่กลับกลายเป็นว่าดูชั่วร้ายและหยาบคายมากขึ้น

เขาเดินไปหาคนผู้นั้น ยื่นมือออกไปสะกิดไหล่ของเขาเบาๆ

“น้องชายคนนี้ ไม่ทราบว่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

ตู้เยี่ยนหมดเรี่ยวแรงแล้ว อาวุธวิเศษที่ขัดต่อสวรรค์เช่นนั้น หากไม่ชาเพราะเขามีประสาทสัมผัสรับรู้ที่เหนือคนทั่วไป คงไม่สามารถหลบได้พ้นแน่ จู่ๆ ก็มาถูกหวังซุ่นสะกิดจนตัวสั่นไปหมด และเกือบจะล้มลงกับพื้น

เขาหันขวับกลับมาอย่างกะทันหัน ดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังผ้าโปร่งฉายแววอำมหิต

เมื่อเห็นชัดว่าเป็นหวังซุ่น รูม่านตาก็หดลง

จะเป็นเขาได้อย่างไร

เป็นไปได้ไหมที่เย่จิ่งอวี้กับอินชิงเสวียนไล่ตามทันแล้ว?

เขาหันกลับไปอย่างระมัดระวัง กวาดตามองเข้าไปในกลุ่มฝูงชน กลับไม่เห็นทั้งสองคน แต่เห็นเย่จิ่งหลานยืนเอามือไพล่หลัง ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

ฉางเฮิ่นเทียนพอจะรู้จากเบาะแสว่าเย่จิ่งหลานเป็นเด็กเปรตจากเป่ยไห่ ทำไมเด็กคนนี้ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้

หรือว่าเขารู้วิชาแพทย์?

ตัวเขาก็ไม่มีทางเลือก ถึงได้มารับการรักษาพยาบาลที่อิ๋นเฉิง แม้ว่าจะไม่มีใครในอิ๋นเฉิงจำใบหน้านี้ได้ แต่ตัวตู้เยี่ยนเองก็ยังคงรู้สึกเหมือนกินปูนร้อนท้อง

ถ้ามีทางอื่น ย่อมไม่อยากอยู่ที่นี่นานๆ แน่

“โรคของข้าเจ้ารักษาได้?”

เขาถามด้วยเสียงเบาลง

เดิมทีเย่จิ่งหลานรีบร้อนอยากได้คะแนนเร็วๆ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้านี้ ก็ไม่รีบร้อนแล้ว

เขาลูบคาง ถามด้วยสีหน้าพิจารณา “เจ้าไม่ได้อยู่ในตำหนักเทพหอทองคำหรอกหรือ ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงลงจากภูเขา”

ร่างกายของตู้เยี่ยนสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด เขาสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้อย่างสมดุล เขาทำได้เพียงทรุดตัวลงบนโต๊ะผ่าตัดเท่านั้น

“ข้า...ข้า...”

ตู้เยี่ยนพูดสองคำอย่างยากลำบาก จากนั้นก็หมดสติไป

หวังซุ่นก็จำตู้เยี่ยนได้เช่นกัน ถามด้วยความประหลาดใจว่า “นายท่าน ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่”

เมื่อเขาเดินไปที่โต๊ะผ่าตัด จึงพบว่าแขนซ้ายของตู้เยี่ยนว่างเปล่า และที่ขาซ้ายมีเลือดไหลมาก

หลังจากฉีกแขนเสื้อของตู้เยี่ยน เขาก็ตกใจกับบาดแผลสีดำ

“หรือว่าเขาถูกไฟคลอก? แต่ดูจากบาดแผลที่ขาแล้วก็ดูจะไม่ใช่ ของแบบไหนกันแน่ถึงสามารถทำร้ายเขาขนาดนี้”

หวังซุ่นเลียนแบบท่าทางของเย่จิ่งหลาน ลูบคาง แล้วส่งเสียงจุ๊ปากออกมา

เย่จิ่งหลานก็อยากรู้มากเช่นกัน

“ที่ขาเสียเนื้อและเลือดไปหมดแล้ว วรยุทธ์นี่มันรุนแรงมากจริงๆ”

เมื่อเห็นลมหายใจของตู้เยี่ยนค่อยๆ อ่อนลง หวังซุ่นก็เริ่มวิตกกังวลอีกครั้ง

“นายท่าน กว่าจะมีคนไข้มาสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราจะช่วยหรือไม่ช่วย ถ้าช่วยช้าเกินไป เกรงว่าจะสายเกินไป”

เย่จิ่งหลานมองดูเขาอยู่นาน เห็นได้ชัดว่าเจ้าชาติหมานี่ได้รับบาดเจ็บจากวรยุทธ์ที่แข็งกร้าวเผด็จการบางอย่าง เครื่องมือทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าของเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย

“หากต้องการช่วยเขา มีแต่ต้องใช้วรยุทธ์เท่านั้น แต่ถ้าไม่ใช้เครื่องมือในมิติ ข้าจะไม่ได้รับคะแนนเลย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องช่วยเขาก็ได้”

เย่จิ่งหลานมองเขาอีกครั้งแล้วพูดว่า “หวังซุ่น เจ้ารีบไปหายัยบ้าอินชิงเสวียน แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะกลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อน เจ้าตัวโชคร้ายเช่นนี้จะให้ตายในมิติของข้าไม่ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์