ฉุยอวี้ได้เดินขึ้นบันไดไปแล้ว นางยังคงสวมชุดสีดำ ทั้งเย็นชาและคล่องแคล่ว
นางยืนอยู่ตรงกลางแท่นสูง พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “วันนี้เป็นการประลองยุทธ์ในรอบห้าสิบปีระหว่าง ตำหนักเทพหอทองคำกับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ผู้ชนะจะได้ครอบครองสิทธิ์ในทางสู่วิถีแห่งสวรรค์เป็นเวลาห้าสิบปี ขอบคุณชายยุทธ์ทุกท่านที่มาร่วมงาน ณ ที่แห่งนี้ สำนักเราได้เตรียมน้ำชาและของว่างไว้แล้ว เชิญทุกท่านดื่มตามสบาย”
นางหยุดชั่วครู่และพูดต่อ “การประลองยุทธ์เดิมเป็นการประลองยุทธ์ทางวรรณกรรมและทักษะการต่อสู้ แต่คราวนี้ตำหนักเทพเป็นเจ้าภาพ ทางเจ้าตำหนักได้ตัดสินใจยกเลิกการประลองวรรณกรรม ใช้วรยุทธ์ตัดสินฟ้าดินโดยตรง ไม่ทราบว่าเจ้าเมืองเฮ่อมีข้อสงสัยอะไรหรือไม่”
เฮ่อยวนตกใจเล็กน้อย กฎนี้สืบทอดกันมาหลายปีแล้ว ทำไมวันนี้จู่ๆ ถึงเปลี่ยนไป
แต่ในเมื่อเหมยชิงเกอเสนอเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยสัญญากับเหมยชิงเกอว่าเขาจะหาผู้บงการเบื้องหลังโดยเร็วที่สุด แต่จนป่านนี้ยังไม่มีเบาะแสเลย ด้วยเหตุนี้ในสองวันที่ผ่านมาเขาจึงไม่กล้ามาที่ตำหนักเทพ เพราะกลัวเหมยชิงเกอจะโกรธ ไม่ยอมมาเจอเขาอีก
เขาจัดแจงเสื้อคลุมให้เข้าที่ พูดด้วยเสียงอันดังว่า “เนื่องจากไม่ใช่การสอบเป็นจอหงวน เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องประลองในเชิงวรรณกรรม เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเห็นด้วย”
เมื่อฟังเสียงสะท้อนที่ดังก้องไปทั่วภูเขา ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าไป เขาคู่ควรกับการเป็นเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว ทักษะวรยุทธ์ช่างน่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้
ชาวยุทธ์จำนวนมากถึงกับตั้งวงพนันขึ้นมาอย่างลับๆ โดยการแทงฝ่ายเฮ่อยวนชนะหนึ่งได้คืนสามเท่า แทงเหมยชิงเกอชนะหนึ่งได้คืนห้าเท่า
ฉุยอวี้เหลือบมองที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง และพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ในเมื่อเจ้าเมืองเห็นด้วย เช่นนั้นเราจะปฏิบัติตามกฎที่ผ่านมา ชนะสองในสาม เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงมีข้อสงสัยหรือไม่”
เฮ่อยวนพยักหน้า
“ได้”
นอกจากนี้เขายังต้องการแก้ไขทุกอย่างโดยเร็วที่สุด เพื่อชดเชยเวลากว่าสิบปีที่เขาติดค้างเหมยชิงเกอ
ขณะที่ฉุยอวี้กำลังจะพูด ทันใดนั้นก็เห็นชาวยุทธ์คนหนึ่งที่นั่งแถวหน้ายืนขึ้น
“ถ้าทางสู่วิถีแห่งสวรรค์เป็นของตำหนักเทพ สามารถให้พวกเราไปเปิดหูเปิดตาได้หรือไม่”
ทุกคนจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อตั๋วเพื่อเข้าชม อันดับแรกเพื่อดูการประลองยุทธ์ และอีกอย่างก็เพื่อทางสู่วิถีแห่งสวรรค์
“ศิษย์เติบโตในอิ๋นเฉิงตั้งแต่เด็ก รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้าเมืองและฮูหยิน ของให้ท่านเจ้าเมืองและฮูหยินอนุญาต ให้ศิษย์ได้ออกไปเป็นคนแรกด้วย”
เฮ่อยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย คนผู้นี้ไม่ใช่ศิษย์สายตรงของอิ๋นเฉิง ไม่ค่อยคุ้นหน้ามากนัก จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง
“เจ้าเตรียมไว้แล้วหรือ”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็ดูประหลาดใจ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่ใช่ ข้าคิดว่าเป็นความตั้งใจของท่านพี่เสียอีก”
เฮ่อยวนมองดูเขาอีกครั้ง ชายคนนี้รูปร่างหน้าตาไม่โดดเด่น วรยุทธ์ก็ดูไม่ได้สูงมากนัก จึงรู้สึกสบายใจ
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ทั้งสองสำนักถือว่าความสามัคคีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดมาโดยตลอด แต่กระบี่ไร้ตา แค่จี้สกัดจุดได้ก็พอ”
คนผู้นั้นรีบพูดว่า “ขอบคุณท่านเจ้าเมือง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...