อินชิงเสวียนาถึงหอสุ่ยอวิ้นแล้ว
ขันทีน้อยที่เฝ้าประตูรู้ดีว่าอินชิงเสวียนเป็นคนโปรดข้างกายฮ่องเต้ จึงรีบไปรายงานทันที
เพียงครู่เดียว หานปิงก็เดินออกมาจากด้านใน
“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง นายหญิงข้าเชิญท่านเข้าไปด้านใน”
อินชิงเสวียนตอบกลับอย่างเกรงใจว่า “ขอบคุณพี่สาวมาก”
หานปิงอมยิ้ม วิ่งก้าวเล็กเหยาะๆ จากไป
อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงยิ้ม ตะลึงงันไปชั่วครู่ แล้วตามหานปิงไปยังตำหนักใหญ่
สวีจือย่วนสวมใส่ชุดกระโปรงสีจืดมาก นั่งยืดตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเรียบสะอาดแสดงความนิ่งสงบ มีกลิ่นอายของคนตระกูลใหญ่
“บ่าวคารวะนายหญิง” อินชิงเสวียนค้อมกายเล็กน้อย
สวีจือย่วนพูดอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงเชิญตามสบาย ได้ยินว่าวันนี้เป็นวันหยุดอาบน้ำ[footnoteRef:1] เสี่ยวกงกไม่หยุดพักหรือ” [1: วันหยุดอาบน้ำ ในสมัยโบราณ เจ้าหน้าที่หรือขุนนางจะมีเวลาพักอาบน้ำ 5 วันหรือ 10 วันครั้ง
]
อินชิงเสวียนยิ้มตอบว่า “บ่าวมีเรื่องอยากจะถามนายหญิงขอรับ ไม่ทราบว่านายหญิงจะสะดวกหรือไม่”
สวีจือย่วนประหลาดใจเล็กน้อย
“เสี่ยวกงกงอยากสอบถามข้าเรื่องใดหรือ”
อินชิงเสวียนมองไปที่สาวใช้ข้างกายทั้งสองคน สวีจือย่วนเข้าใจความหมายของเขาทันที
“พวกเจ้าออกไปก่อน”
“เจ้าค่ะ” หานปิงเดินนำสาวรับใช้อีกสองคนออกจากประตูไป
สวีจือย่วนถามอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้เจ้าพูดได้แล้วกระมัง”
อินชิงเสวียนลังเลใจไปครู่หนึ่ง “บ่าวอยากถามว่า คนสอนบทเพลงนี้แก่นายหญิงอยู่ที่ใดขอรับ”
สวีจือย่วนสีหน้าพลันเปลี่ยน มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่านิ้วมือที่จับผ้าเช็ดหน้าไว้สั่นไปทีหนึ่ง
นางยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“เพลงบทนี้น่ะผู้สอนคืออาจารย์สอนพิณของตระกูลสวี คนผู้นี้จากตระกูลสวีไปแล้วล่ะ”
อินชิงเสวียนถามต่ออีกว่า “นายหญิงทราบหรือไม่ว่าอาจารย์ท่านนี้ไปที่ใด เมื่อวานบ่าวได้ฟังบทเพลงนั้นแล้วก็ชื่นชอบยิ่งนัก อยากจะใคร่ขอให้อาจารย์ท่านนั้นชี้แนะสักหน”
อารมณ์ของสวีจือย่วนอ่อนไหวเล็กน้อย จึงลุกขึ้นพรวด
“เขาคงออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปไหนแล้ว”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วมุ่น ถามขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “อาจารย์สอนพิณของนายหญิง ใช่อินสิงอวิ๋นหรือไม่”
สวีจือย่วนตัวสั่นโยน ตอบด้วยใบหน้าขาวโพลน “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร ข้าจะรู้จักอินสิงอวิ๋นได้อย่างไร”
อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ “นายหญิงอย่าได้ตื่นตระหนกไป ข้าเข้าวังมาก็เพื่อจะสืบหาเรื่องตระกูลอิน บทเพลงของนายหญิงนั่น เดิมเป็นอินชิงเสวียน คุณหนูใหญ่ตระกูลอินเป็นผู้ประพันธ์ และให้คุณชายใหญ่ชี้แนะ ยามนี้คุณหนูใหญ่จากไปแล้ว ผู้ที่สามารถเล่นบทเพลงนี้ได้ก็มีเพียงคุณชายใหญ่แล้ว”
สวีจือย่วนแสดงสีหน้าประหลาดใจ
คนผู้นั้นเคยกล่าวไว้จริงๆ ว่าบทเพลงนี้น้องสาวของเขาเป็นผู้ประพันธ์ หรือจริงๆ แล้วเสี่ยวกงกงจะเป็น...
และยิ่งพอนึกถึงว่าอินชิงเสวียนเป็นคนโปรดข้างกายของฮ่องเต้ สวีจือย่วนกัดริมฝีปากของตนอีกครั้ง ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นฮ่องเต้ที่ส่งเขามาหลอกถามตน เช่นนั้นจะให้ถูกจับผิดไม่ได้
นางสีหน้าเคร่งขรึม เสียงแหลมขึ้นหลายส่วน
“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหลอีก ตระกูลอินเป็นโจรกบฏ ข้าจะไปรู้จักกับพวกเขาได้อย่างไรเล่า”
พอเห็นว่าสวีจือย่วนเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ยอมรับ อินชิงเสวียนจึงหมดหนทาง หากอยากรู้ต้นสายปลายเหตุ เกรงว่ามีเพียงแต่การเปิดเผยตัวตนของนางเท่านั้นแล้ว
นางถอนหายใจเบาๆ พูดเสียงต่ำ “หากอินสิงอวิ๋นเป็นพี่ชายของข้า นายหญิงก็ไม่ยอมบอกความเป็นไปของเขาหรือ”
สวีจือย่วนรู้สึกว่าเหมือนโดนสายฟ้าผ่า ตะลึงงันอยู่กับที่
คนผู้นั้นก็เคยบรรเลงท่วงทำนองนี้ให้นางฟัง ยังพูดอีกว่าบทเพลงนี้น้องสาวเขาเป็นผู้ประพันธ์เองด้วย คนที่จะบรรเลงเพลงนี้ได้ บนโลกมิอาจมีคนที่สามโผล่มาแน่นอน
ไม่ผิดแน่ ที่แท้นางก็เป็นนายหญิงที่อยู่วังเย็นจริงๆ ด้วย
สวีจือย่วนตื่นเต้น จับมือของอินชิงเสวียนแน่น
“วันที่ข้าได้พบกับสิงอวิ๋น เขาหมดสติอยู่ที่สวนหลังบ้านข้า ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ลมหายใจรวยริน เป็นพ่อข้าที่นำเขากลับจวน คราแรกข้าก็ไม่รู้ตัวตนของเขา จนกระทั่งได้ยินท่านพ่อกับท่านแม่คุยกันโดยบังเอิญ ถึงได้รู้ว่าเขาเป็นท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรอินสิงอวิ๋น”
อินชิงเสวียนกุมมือสวีจือย่วนกลับ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่ใหญ่ได้บอกด้วยหรือไม่ว่าเหตุใดเขาจึงกลับมา แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ใด”
สวีจือย่วนส่ายหน้า พูดหนักแน่นว่า “หลังจากที่บาดแผลของเขาหายดี จึงได้ออกจากบ้านสวีในฐานะอาจารย์สอนดนตรี ตอนแรกข้าก็คิดว่าเขาจะอยู่ได้ตลอดไป ไม่คิดว่าหนึ่งเดือนให้หลัง เขาก็จากไปโดยไม่ลา กระทั่งจดหมายฉบับหนึ่งก็ไม่มี”
พูดถึงตรงนี้ สวีจือย่วนน้ำตาไหลอาบพวงแก้มไม่รู้ตัว
อินชิงเสวียนถามอย่างร้อนใจ “เช่นนั้น เหตุใดท่านพ่อของเจ้าจึงบอกว่าเขาตายแล้ว หาเขาไม่เจอแล้วล่ะ”
“เป็นข้าที่เค้นถามตัวตนของเขาจากท่านพ่อ ท่านพ่อไม่อยากให้ข้ามีส่วนในเรื่องราวของตระกูลอิน กลัวว่าข้าจะหาเรื่องใส่ตัว แม้นจะพูดเช่นนี้ แต่เพราะอยากให้ข้าลืมเขาต่างหาก”
หลังจากที่ฟังคำพูดของสวีจือย่วน อินชิงเสวียนถอนหายใจคราหนึ่ง
มารอบนี้แม้จะไม่ได้ข้อมูลสลักสำคัญอะไรมา แต่กลับได้รู้ว่าอินสิงอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ในเมืองหลวง ก็นับว่าได้เก็บเกี่ยวข้อมูลมาบ้างเล็กน้อย
พอสวีจือย่วนนึกถึงบุรุษที่หล่อเหลาสูงใหญ่ ปวดบิดในใจ น้ำตาไหลรินอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางหวั่นใจ แต่กลับต้องมีจุดจบที่ไม่กระจ่างแจ้งเช่นนี้
อินชิงเสวียนเห็นว่านางน้ำตาไหลอาบแก้มดั่งฝนตก จึงรู้สึกเสียใจด้วย นางจึงตบบ่านางเบาๆ พูดเสียงอ่อนโยน “ขอแค่พี่ใหญ่ข้ายังไม่ตาย ก็จะมีโอกาสได้พบเจออีกแน่นอน นายหญิงอย่าคิดมากเลย”
ขณะที่สวีจือย่วนจะพูดต่ออีก หานปิงวิ่งเข้ามาอีกแล้ว
“นายหญิง ฮ่องเต้ทรงทราบแล้วว่าเสี่ยวกงกงมาที่หอสุ่ยอวิ้นของเรา จึงเร่งมาบอกว่าให้เขารีบไปวังชิงฮว๋าเจ้าค่ะ”
อินชิงเสวียนรู้สึกรำคาญใจ เย่จิ่งอวี้คนใจไม้ไส้ระกำ ให้นางหยุดพักสักครู่ไม่ได้เลยหรือไง ทั้งวังหลังเขากำลังหยุดพักกัน เรื่องอะไรให้นางไปเก็บชั่วโมงเพิ่มด้วยเล่า!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...