ณ บัดนี้ ที่เมืองถงหูเล็กๆ ด้านนอกทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้วุ่นวายอลหม่านไปหมด ในเวลาเพียงสามสิบนาที ผู้บริสุทธิ์หลายสิบคนถูกสังหาร
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มควบคุมได้ยากขึ้น ตำหนักเทพและอิ๋นเฉิงจึงออกคำสั่งที่สอง
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับกุมคนเหล่านี้ให้ได้ ใครก็ตามที่ฝ่าฝืน ต้องถูกฆ่าตายทันที!
เมื่อเฮ่อฉางเฟิงทราบข่าวจากศิษย์อิ๋นเฉิง ก็ไม่ยั้งมืออีก หากไม่สามารถควบคุมได้ก็ฆ่าทันที
ก่อนที่จะกลับมาที่เมืองถงหู เฮ่อฉางเฟิงตั้งใจจะออกไปท่องยุทธภพจริงๆ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างก็มีความอยากรู้เป็นนิสัย เขาอยากรู้ว่าคราวนี้จะสามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้หรือไม่ จึงไปหาบ้านที่ไม่เด่นสะดุดตา แวะพักก่อนชั่วคราว
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาแล้วสามวัน เฮ่อฉางเฟิงยังไม่ได้ยินข่าวใดๆ กำลังจะไปหาโรงเตี๊ยมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ ทันทีที่มาถึงที่ประตูก็ได้กลิ่นคาวเลือดตีขึ้นจมูก จึงได้บังเอิญช่วยเฉิงเฟิ่งโหลวและหลิวซือจวิน
“คุณชายเฮ่อ ได้ยินมาว่าคนในอิ๋นเฉิงล้วนมีทักษะทางการแพทย์ดี ท่านช่วยแสดงให้ข้าเห็นสักครั้งได้หรือไม่”
เฮ่อฉางเฟิงลงมือตลอดทาง โดยที่มีหลิวซือจวินคอยเดินตามเซ้าซี้อยู่ไม่หยุด พร้อมด้วยเฉิงเฟิ่งโหลวที่หน้าซีดเผือดและตัวสั่นสะท้าน
“ก็แค่ข่าวลือ ข้าไม่รู้ทักษะทางการแพทย์เลย รู้แค่วิธีฆ่าคนเท่านั้น”
เฮ่อฉางเฟิงแสร้งทำเป็นโหดร้าย ต้องการทำให้สองคนนี้ตกใจกลัวจนเตลิดหนีไป
พวกคนคนหนึ่งไม่เก่งวรยุทธ์มากนัก และอีกคนไม่รู้วรยุทธ์ ช่างเป็นภาระจริงๆ
หลิวซือจวินยังคงถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “งั้นก็หมายความว่าคนอื่นเชี่ยวชาญน่ะสิ? อยากให้คุณชายเฮ่อช่วยแนะนำให้ข้ารู้จักด้วย”
เฮ่อฉางเฟิงลงมือปราบชาวยุทธ์ที่คลุ้มคลั่ง พลางถามด้วยน้ำเสียงที่กดให้ต่ำว่า “ทำไมเจ้าต้องขอคำชี้แนะจากคนในอิ๋นเฉิง เจ้าได้ยินชื่อนี้มาจากไหน”
หลิวซือจวินกล่าวว่า “ข้าได้ยินจากท่านแม่ข้า ก่อนที่จะจากไปนางอยากให้ข้ามาที่อิ๋นเฉิงเพื่อศึกษาความรู้”
“โอ้? หรือว่าแม่ของเจ้าก็เป็นชาวยุทธ์?”
เฮ่อฉางเฟิงมองดูหลิวซือจวินอีกครั้ง ยกเว้นใบหน้าที่ดูใช้ได้นั้นแล้ว ทุกอย่างก็ดูธรรมดา
หลิวซือจวินพูดอย่างร่าเริงว่า “ไม่หรอก แม่ของข้าเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ แต่พ่อของข้าเป็นหมอ น่าเสียดายที่ไม่นานหลังจากที่เขาแต่งงานกับแม่ของข้า เขาก็ออกไปรักษาคน และไม่เคยกลับมาอีกเลย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลิวซือจวินก็ถอนหายใจ
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน อินชิงเสวียนกินโยเกิร์ตหลายขวด ในที่สุดก็ระงับอาการมวนท้องได้ ทันใดนั้นนางก็เริ่มวุ่นวายใจ หลังจากฟื้นตัวก็รีบออกจากมิติทันที
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าถึงออกมาทำไมรึ”
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวยังดูซีดเซียว เย่จิ่งอวี้ก็รีบเข้าไปประคองนาง
อินชิงเสวียนดื่มน้ำพุวิญญาณ รู้สึกว่าร่างกายไม่มีปัญหาร้ายแรง เพียงแต่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ข้าไม่เป็นไร สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง”
“ส่วนใหญ่ผู้ที่อยู่ในหุบเขาถูกปราบได้แล้ว แต่หลายคนที่เสียสติไป”
เย่จิ่งอวี้พยักพเยิดหน้าไปทางนั้น เมื่อมองตามสายตาของเขา อินชิงเสวียนก็เห็นว่าผู้คนจำนวนมากถูกมัดด้วยโซ่ที่หนาเท่ากับนิ้ว ยังคงจ้องมองตาขวาง แยกเขี้ยวยิงฟัน
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงคำหนึ่งที่เหมาะสมกับพวกเขาที่สุด
นั่นก็คือ ซอมบี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...