สีหน้าท่าทางของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไปทันที
เหตุใดไทเฮาถึงมาที่นี่ได้
เนื่องจากชุยไห่บอกว่ามีเสียงเด็กร้องไห้ เขาคงได้สืบพบเบาะแสอะไรบางอย่าง
ตัวเองช่างประมาทเกินไปจริงๆ
ในสถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ ไม่มีทางที่เสี่ยวหนานเฟิงจะซ่อนตัวได้เลย
และไทเฮาก็รู้ว่านางเป็นใคร ดังนั้นนางจะต้องสงสัยในตัวเด็กอย่างแน่นอน
ควรทำอย่างไรดี
อินชิงเสวียนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากอย่างอดไม่ได้
ถ้ารู้แต่แรกคงขอให้เย่จิ่งอวี้มากินข้าวในตอนเช้าด้วย เมื่อมีเขาอยู่ที่นี่ ยังพอหาข้อแก้ตัวได้
อวิ๋นฉ่ายตื่นตระหนกโดยสิ้นเชิง
“พี่ใหญ่ ควรทำอย่างไรดี”
อินชิงเสวียนกลั้นหายใจ กระซิบ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา เรากลับไปที่ห้องโถงด้านในกันเถอะ”
ทั้งสองกลับไปที่ห้องโถงด้านในอย่างรวดเร็ว ก็เจอกับยายหลี่ก็วิ่งออกจากห้องมา
“ใครรึ”
อินชิงเสวียนกระซิบ “เป็นไทเฮา เข้าไปก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไร”
ทั้งหมดรีบปิดประตู แต่ยังคงได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ซึ่งเสียงเคาะประตูดังกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ
ยายหลี่อดไม่ได้ที่จะเหงื่อออก
“นี่...ถ้าพวกเขาเข้ามาล่ะ...”
อินชิงเสวียนพูดอย่างรู้สึกผิด “อาจจะไม่ นี่คือวังเย็นเลยนะ”
ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงอู้อี้ดังขึ้น
เป็นเสี่ยวหนานเฟิงที่ตกใจมาก จนส่งเสียงร้องไห้ดังออกมา
แม้ว่าจะอยู่ในห้องโถงด้านใน แต่ภายนอกยังได้ยินเสียงร้องแผ่วเบาอยู่
ไทเฮาทรงจับชายกระโปรง แล้วลงจากรถม้าพระที่นั่งหงส์
ขณะที่เยื้องย่างมีเสียงดังกรุ๊งกริ๊งของเครื่องประดับไข่มุกและหยก หงส์ทองเหนือศีรษะคาบหินโมราสีแดงอันวิจิตรอยู่ในปาก มันแกว่งไปมาเล็กน้อยตามการเคลื่อนไหว แต่งกายด้วยผ้าแพรต่วนสีม่วงอมแดง ซึ่งแสดงถึงศักดิ์และสถานะของนางอย่างสมบูรณ์แบบ
นางมองไปรอบๆ ที่ประตูที่มีรอยกระดำกระด่างของวังเย็น พูดอย่างเย็นชา “ที่นี่มีเรื่องปิดังซ่อนเร้นจริงๆ ช่วยกันพังประตูเดี๋ยวนี้”
ขันทีหลายคนหยิบท่อนไม้ใหญ่ขึ้นมาทันที ใช้กำลังทั้งหมดฟาดใส่ประตูอย่างแรง
ประตูวังเย็นอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาเป็นเวลานาน จึงไม่อาจต้านทานแรงอันแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ เมื่อถูกโจมตีเป็นครั้งที่สาม ประตูก็ถูกเปิดออกเสียงดังปัง
อินชิงเสวียนและคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องเห็นทุกอย่างชัดเจน ทั้งหมดตกใจมาก
เสี่ยวหนานเฟิงหวาดกลัวอีกครั้ง ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
เมื่อเห็นว่าไทเฮาพาคนเข้ามาในลานบ้าน อินชิงเสวียนก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเดินออกไป ยกเสื้อคลุมของนางขึ้นและคุกเข่าลงบนพื้น
“กระหม่อมเสี่ยวเสวียนจื่อถวายพระพรไทเฮา ขอทรงมีอายุยืนพันปีพันพันปี”
“ลุกขึ้น”
ไทเฮากวาดตามองวังเย็น และถามด้วยสีหน้ามืดมน “ข้าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่ข้างใน ไม่ทราบว่าเด็กคนนี้เป็นของใคร”
“คือ...”
หัวสมองของอินชิงเสวียนแล่นอย่างรวดเร็ว แต่นางไม่สามารถคิดหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมได้
ไทเฮามองดูนางด้วยความเยาะเย้ย
“ช่างเป็นอุบายจักจั่นลอกคราบที่ดีจริงๆ ข้าประเมินเจ้าต่ำไป เด็กๆ ไปพาเด็กออกมาหาข้า”
“ช้าก่อน”
เมื่อนางไม่ได้บอกฮ่องเต้ นั่นก็หมายความว่านางไม่มีความตั้งใจที่จะกลับมารวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับฮ่องเต้
หรือว่านางกำลังแสร้งคล้อยตามเย่จิ่งอวี้
แต่ความจริงต้องการล้างแค้นแทนบิดาของนาง
จิตใจของไทเฮากำลังปั่นป่วน และนางก็ค่อยๆ ระงับความคิดที่จะเปิดเผยฐานะของอินชิงเสวียนในตอนนี้
เมื่อเห็นหยาดน้ำตาที่ยังคงค้างอยู่บนใบหน้าของเสี่ยวหนานเฟิง เย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และเอื้อมมือออกไปอุ้มเด็ก
“ไทเฮาคิดว่าเด็กคนนี้เป็นอย่างไร”
ไทเฮาทรงไอเบาๆ แล้วตรัสว่า “เด็กคนนี้มีรูปลักษณ์ที่เป็นสิริมงคล”
ทันทีที่เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้ เขาก็หยุดร้องไห้ทันที กะพริบตาคู่โตที่มีน้ำตาคลอเบ้า และเริ่มเล่นกับผมของบิดาผู้ให้กำเนิดอีกครั้ง
เมื่อเห็นพ่อลูกมีสัมพันธ์แน่นแฟ้น ดวงตาของไทเฮาก็ฉายแววมืดมน
เย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าถามโหราจารย์เมื่อวันก่อนแล้ว เขาบอกว่าอีกไม่กี่วันมันจะเป็นวันอันเป็นมงคล ถึงตอนนั้นก็สามารถพาเขาออกจากวังเย็นได้”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตันใจ
เย่จิ่งอวี้สามารถไกล่เกลี่ยเรื่องห่วงพะวงให้ขันทีน้อยได้เช่นนี้ ค่อยๆ ให้ความสนใจ แม้ว่านางจะทำเรื่องดีๆ เพื่อต้าโจวจริง แต่เขาก็มีร้อยแปดพันวิธีที่จะให้รางวัลได้
เมื่อคิดว่าสักวันหนึ่งเขาต้องได้รู้ความจริง...
จากนั้นก็หวนคิดได้อีกครั้ง เรื่องถูกผิดทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องระหว่างเขาและเจ้าของร่างเดิม นอกจากนี้นางยังมีความคิดและจุดประสงค์ของตัวเอง ไม่อาจเปลี่ยนใจได้เพียงเพราะรู้สึกตื้นตันใจเพียงชั่วครู่
อินชิงเสวียนเป็นคนมุ่งมั่นมาก ตัวอย่างเช่น นางต้องการเรียนวิศวกรรมโยธา แม้ว่าหลายคนพยายามโน้มน้าวนางในเวลานั้น แต่นางก็ไม่เปลี่ยนใจ
แม้ว่านางมาถึงมหาวิทยาลัยและเป็นหญิงเพียงคนเดียวในชั้นเรียน นางก็ยังคงปรับตัวได้อย่างสุขุม
แม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะเป็นฮ่องเต้ที่ดีผู้ปรีชาและรักประชาชน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะประนีประนอมใช้ชีวิตในวังหลัง ในฐานะผู้หญิงยุคใหม่ เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะแบ่งปันชายคนรักกับหญิงคนอื่น
จนถึงตอนนี้ อินชิงเสวียนยังคงก้าวไปสู่เป้าหมายเดิมของตัวเอง แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือเรื่องอันสับสนของตระกูลอิน หากไม่ทำให้รู้แจ้ง แม้ว่าจะจากไปแล้วก็คงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ขณะคิดอยู่ก็ได้ยินไทเฮาตรัสว่า “จะพาเขาออกจากวังเย็นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่จู่ๆ ก็มีเด็กคนนี้มา อย่างไรก็ต้องมีคำอธิบาย ข้ากลับมีความคิดบางประการ ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถแก้ไขฐานะของเด็กได้ แต่ยังช่วยหาแม่ให้เด็กได้ด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...