สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 139

เย่จิ่งอวี้จ้องมองหลี่เต๋อฝูอย่างเย็นชาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะลั่นทันที

“ดี ช่างดีจริงๆ!”

หลี่เต๋อฝูขนลุกเพราะเสียงหัวเราะนั้น

“ฝ่าบาท...”

“ออกไป!”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เต๋อฝูออกมาจากห้องโถงด้านในด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

เย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ในห้องโถง นิ้วเรียวของเขากำหมัดแน่น

เสียงหักข้อต่อดังกรอบชั่วครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็เป็นเสียงกระแทกโต๊ะอย่างแรง

อินชิงเสวียนตัวดี กล้าวางอุบายจักจั่นลอกคราบกับเขาเสียได้

เสียแรงที่เขาไว้วางใจนางมาโดยตลอด นางขั้นกล้าล้อเล่นกับเขาถึงเพียงนี้!

ยิ่งเย่จิ่งอวี้คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น ฝ่ามือกวาดชุดน้ำชาบนโต๊ะตกพื้น

กาน้ำกระเบื้องเคลือบชั้นดีร่วงลงสู่พื้น เศษที่กระเด็นก็เฉือนเข้ามือ เลือดไหลออกมาจากหลังมือ ไหลลงมาและหยดลงบนพื้น

หลี่เต๋อฝูได้ยินเสียงดัง จึงรีบเข้าไปทันที และได้บังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้จึงหน้าซีดด้วยความตกใจ

“ฝ่าบาท กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้”

เย่จิ่งอวี้หันขวับทันที ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับคมมีด

“ไปซะ!”

หลี่เต๋อฝูตกใจมากจนต้องถอยกลับไป

แต่ในใจรู้สึกหนักอึ้งราวกับแบกถังน้ำอยู่หลายถัง

เมื่อฝ่าบาทถามถึงเรื่องนี้ ก็พิสูจน์ว่าเขารู้อะไรบางอย่างแล้ว

นั่นไม่ได้หมายความว่าเสี่ยวเสวียนจื่อคือพระสนมอินจริงๆ หรือ

เด็กคนนั้น คงเป็น...

หลี่เต๋อฝูอดไม่ได้ที่จะปิดปาก

โอ้สวรรค์!

ฝ่าบาทมีทายาทแล้ว!

หลี่เต๋อฝูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

แต่เมื่อนึกถึงท่าทีของฝ่าบาทที่มีต่อตระกูลอิน เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีก

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาต้องช่วยปกป้องเด็กและพระสนมอิน

หลังจากลังเลอยู่หลายครั้ง หลี่เต๋อฝูก็มาที่ประตูอีกครั้ง

“ฝ่าบาท!”

“ไปซะ!”

เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร หน้าอกของเขาสะท้อนขึ้นลงอย่างโกรธจัด

เมื่อเห็นว่าหลี่เต๋อฝูกำลังจะออกไป เขาก็พูดว่า “เดี๋ยวก่อน ไปเอาชุดฝึกยุทธ์ของข้ามา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

สิบห้านาทีต่อมา เย่จิ่งอวี้ก็มาถึงตำหนักฉงหวู่

เมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดังมาจากข้างใน หลี่เต๋อฝูผู้ซึ่งยืนอยู่ที่ประตูมุมปากก็กระตุกเสียมิได้

โชคดีที่หมัดนั้นไม่ชกมาที่เขา ถ้าถูกชกเข้าหลายครั้ง เกรงว่าเขาคงสิ้นลมหายใจตายไปนานแล้ว

เย่จิ่งอวี้ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ถึงเดินออกมาจากตำหนักฉงหวู่ เส้นเลือดบนใบหน้าตึงเครียด ยิ่งแสดงถึงความดุดันอย่างชัดเจน แต่ดวงตาหงส์ที่น่ากลัวกลับสงบลงอย่างเห็นได้ชัด

หลี่เต๋อฝูติดตามเย่จิ่งอวี้อย่างระมัดระวัง เขาอยากจะเอ่ยพูดหลายครั้ง แต่ก็กลัวจะทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคืองพระทัย

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้พูดอะไร เดินตรงไปอย่างเดียว

แล้วก็เดินมาถึงตำหนักจินหวู่ซึ่งเป็นที่พำนักของหวนไท่เฟยในอดีตโดยไม่รู้ตัว

คนงานในวังหลายคนกำลังทำความสะอาดด้านใน เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ก็ลนลานรีบคุกเข่าลง

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเจ้าถอยไปก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ” คนงานในวังก้มศีรษะลงทันทีและก้าวออกไป

เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ เดินเข้าไปในตำหนัก

ต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นในลานบ้านยังคงเหมือนเดิมทุกประการ แต่เสียงหัวเราะและความสุขในอดีตได้หายไปแล้ว

เย่จิ่งอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมาถึงใต้ต้นไม้เก่าแก่ขนาดสามคนโอบ เห็นภาพคล้ายกับว่าตัวเองกำลังนั่งเล่นอยู่บนชิงช้า

“อวี้เอ๋อร์ อย่าแกว่งสูงนักนะ ระวังจะตกเอา”

กระแสเสียงของเสด็จแม่ยังคงดังก้องอยู่ในโสต เย่จิ่งอวี้ดวงตาแดงรื้นอย่างอดมิได้

เขายื่นมือออกไปแตะต้นไม้ตรงหน้า แล้วก็รู้สึกเจ็บคอ

เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กเขามักจะเล่นใต้ต้นไม้ แม่ของเขากลัวเขาจะตก นางจึงคอยกำชับอยู่ข้างๆ เสมอ

ในเวลานั้น เย่จิ่งอวี้รู้สึกว่าแม่ของตัวเองน่ารำคาญมาก

“เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ”

เย่จิ่งอวี้รู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ถ้าเขาไม่คิดถึงเรื่องนี้ อินชิงเสวียนคงตายไปนานแล้ว

ตอนนี้เขาทั้งโกรธและโมโห แต่ปะปนกับความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้...

หลี่เต๋อฝูตบชายเสื้อ และลุกขึ้นยืน

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฝ่าบาท...ทรงคิดจะทำเช่นไรต่อ”

เย่จิ่งอวี้ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง แล้วเส้นเลือดก็โผล่ออกมาจากหลังมือของเขา

หากรู้ว่าต้องทำอะไร เขาจะมาที่ตำหนักฉงหวู่งั้นหรือ

และอินชิงเสวียนก็ดูต่างไปจากคนเดิมที่เขารู้จัก

มีข่าวลือว่าอินชิงเสวียนหลงรักเย่จิ่งเย่าอย่างโงหัวไม่ขึ้น ยอมตายเพื่อความรัก แล้วเหตุใดวันนั้นที่ชายป่านางถึงขอร้องให้ช่วยชีวิต และแสดงให้เห็นว่านางปฏิเสธเย่จิ่งอวี้...

แต่เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวฮว๋ายจื่อในวันนั้น...

สาเหตุที่เขารัดคอบ่าวชาติสุนัขจนตาย ก็เพราะเขาไม่อยากได้ยินมากเกินไป

หรือว่าอินชิงเสวียนมีความเกี่ยวข้องกับไทเฮา

เมื่อคิดถึงคำพูดของไทเฮาในวังเย็น ก็รู้สึกคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

สิ่งต่างๆ ผุดขึ้นในใจของเขาทีละน้อย เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว ไม่สามารถคิดถึงเหตุผลได้ชั่วขณะ

จิตใจเริ่มว้าวุ่น จู่ๆ ก็นึกถึงคืนนั้นที่จวนรัชทายาท...

หรือว่าข่าวลือนั้นเป็นเท็จ ที่วันนั้นนางใช้กลอุบายเพื่อมีอะไรกับเขา ก็เพราะว่านางชอบเขา?

ไร้สาระ!

ถ้าหากชอบ ก็ค่อยทำให้คอยๆ เป็นไปตามครรลองได้ เหตุใดจึงต้องใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเช่นนี้

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าบ่าวตัวน้อยของเขาเป็นสตรี มุมปากก็อดกระตุกเสียมิได้

เขาไม่ได้เป็นต้วนซิ่ว ในที่สุดก็ไม่ทำให้บรรพบุรุษผิดหวัง

เพียงแต่ต่อจากนี้ไปจะเผชิญหน้าอย่างไร

แม้ว่านางจะมีทายาทของเขา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ลูกสาวของผู้ทรยศจะกลับคืนสู่วังหลัง

และดูเหมือนนางไม่มีความตั้งใจที่จะทำสิ่งนี้!

เมื่อนึกถึงหลายต่อหลายครั้งที่นางต้องการออกจากวัง ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็เย็นชาทันที

นอกจากว่านางวางแผนจะหนีไปพร้อมกับลูก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์