ณ วังหลวง
ในห้องหนังสือ เย่จั้นกำลังเดินกลับไปกลับไป
อินจ้งขมวดคิ้วยืนอยู่ข้างๆ เขา ผู้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาคือจอมพลเฒ่ากวน ถัดจากนั้นก็คือสองพี่น้องตระกูลอินและกวนเซี่ยวหลานชายของจอมพลเฒ่า
ตอนนี้หลานชายกลับมาแล้ว โรงเรียนสอนการต่อสู้ก็เริ่มมีระเบียบแบบแผนเป็นรูปเป็นร่าง จิตใจของจอมพลเฒ่าก็สงบลงมาก เขาประกบมือคารวะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล แม้ว่าจะมีพวกกบฏเข้ามาในเมืองหลวง แต่เขาทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ยังไม่ถึงขั้นทำลายล้างอย่างสิ้นเชิงได้”
อินจ้งกล่าวสนับสนุนขึ้น “ท่านอาจารย์พูดถูกต้อง กรมกลาโหมได้ส่งเอกสารสำคัญเร่งด่วนออกไปแล้ว สั่งให้แต่ละสถานที่เฝ้าคุ้มกันอย่างเคร่งครัด เมื่อค้นพบกลุ่มกบฏ ให้สังหารทันที สังหารก่อนรายงานได้เลย”
คิ้วของเย่จั้นยังคงขมวดมุ่นอยู่
“เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในเมืองหลวง ข้าคิดว่าการต่อสู้ในเทือกเขาเชื่อมเมฆาเริ่มเข้มข้นขึ้น ข้าเป็นกังวลความปลอดภัยของฮ่องเต้และฮองเฮา อย่างไรก็ตามเมืองหลวงก็มีปัญหาเช่นกัน ไม่สามารถไปเข้าร่วมกับพวกเขาได้”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่จั้นแล้ว แม่ทัพทั้งสองก็เงียบงันไปเช่นกัน
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนที่ไว้ใจได้ นอกจากขุนนางคนสำคัญของแคว้นแล้ว ก็ยังมีครอบครัวและเพื่อนๆ ของฮองเฮา ทั้งหมดย่อมมีความกังวลมากอยู่แล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน อินจ้งก็ถอนหายใจลึกๆ
“หวังว่าฮ่องเต้และฮองเฮาที่เป็นคนดีต้องได้รับความคุ้มครองจากสวรรค์ สามารถเดินทางกลับเมืองหลวงโดยเร็ว”
อินปู้อวี่ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “กระหม่อมยินดีนำกองทหารไปที่เทือกเขาเชื่อมเมฆา เพื่อช่วยฮ่องเต้และฮองเฮา”
กวนเซี่ยวยังกล่าวอีกว่า “กระหม่อมก็เต็มใจไปเช่นกัน ท่านอ๋องได้โปรดสั่งการด้วย”
จอมพลกวนตำหนิว่า “ไร้สาระ ลำพังแค่ความเลือดร้อนของพวกเจ้าจะทำอะไรได้ ดีไม่ดีจะกลายเป็นภาระของฮ่องเต้และฮองเฮาเสียด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการปกป้องเมืองหลวงของฝ่าบาทให้ดี มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น จึงจะสมกับที่ฝ่าบาทมอบหมายภารกิจให้!”
อินสิงอวิ๋นก็สงบกว่าเมื่อก่อนมาก เขาพยักหน้าและพูดว่า “ท่านอาจารย์กล่าวถูกต้องแล้ว ฝ่าบาทและฮองเฮามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ เกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถเทียบเคียงได้ เช่นนั้นไม่ไปก่อความวุ่นวายจะดีกว่า”
เย่จั้นก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ตอนนี้มีเพียงแต่ต้องทำเช่นนี้แล้ว แต่ข้าเกรงว่าการสอบในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้จะถูกเลื่อนออกไป”
“กระหม่อมยังมีอีกเรื่องที่จะรายงาน”
เขาสะบัดข้อมือ กระบี่ยาวประมาณเจ็ดนิ้วที่ซ่อนอยู่ที่พุ่งแทงไปยังเย่จั้นราวกับสายฟ้า
กวนเซี่ยวกระโดดขึ้น เตะข้อมือของทหารองครักษ์คนนั้นทันที
“เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยแค่นี้ ยังกล้าโอ้อวดต่อหน้าฝ่าบาทงั้นรึ”
สองพี่น้องตระกูลอินก็ลงมือพร้อมกัน คนผู้นั้นยังไม่ทันได้ขยับก้าวถอยหลัง ก็ถูกตรึงอยู่กับพื้นทันที
เขามีสีหน้าไม่ยินยอม ยิ้มเยาะเย้ย “เฟยเหยาต้องชนะ พวกเจ้าชาวต้าโจว จะต้องพินาศ!”
กวนเสี่ยวตบที่ปากของเขา คนผู้นั้นก็ฟันหน้าหลุดสองซี่ เขาพ่นเลือดออกมาจากมุมปาก ยังคงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“เมื่อราชาฟื้นคืนชีพ จะทำลายต้าโจว ความรุ่งโรจน์ของเมืองแห่งนภาจะปรากฏบนดินแดนนี้ พวกเจ้าทุกคนต้องสยบแก่เขา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...