อินชิงเสวียนหันกลับไปพูดว่า “ฝ่าบาทเสด็จก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะคุยกับไห่ถังสักหน่อย”
เมื่อมองดูร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าขบวนเสด็จ เกือบจะร้องไห้ด้วยความน้อยใจ เย่จิ่งอวี้ก็ตัดใจพูดให้มากความไม่ลง เย่จิ่งหลานก็ไม่รู้ว่าไปถึงไหนแล้ว ในเมืองหลวงตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคนพี่น้องเท่านั้น
“ก็ได้ ถ้าคุยกันจนดึกมาก เสวียนเอ๋อร์จะกลับตำหนักไปพักผ่อนก่อนก็ได้ แล้วข้าจะไปหาเจ้าในภายหลัง”
เย่จิ่งอวี้รู้ว่าเย่ไห่ถังชอบอินชิงเสวียน ไม่ได้เจอกันมานาน คงมีเรื่องพูดคุยกันเยอะแยะไปหมด งานเลี้ยงในวังคืนนี้ อินชิงเสวียนอาจไม่สามารถไปได้แล้ว
“ทราบแล้วเพคะ”
อินชิงเสวียนลงจากเกี้ยวด้วยฝีเท้านุ่มนวล เย่ไห่ถังก็กระโดดเข้าหาอย่างมีความสุขทันที
“เสด็จพี่สะใภ้ ท่านกลับมาก็ไม่ยอมบอกข้าเลย หรือท่านลืมข้าไปแล้ว ข้าอยู่ในวังอธิษฐานขอพรให้ท่านทุกวัน ขอให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย เสด็จพี่สะใภ้ใจร้ายมาก!”
เย่ไห่ถังกอดนางครู่หนึ่ง จากนั้นปล่อยมือ และเบือนหน้าหนีอย่างไม่พอใจ
อินชิงเสวียนที่อยู่ข้างหลังพูดเหย้าแย่นาง “ตกลงว่าเจ้าโกรธข้า หรือโกรธคนแซ่อินกันแน่ เพราะข้ากลับมาไม่ถูกจังหวะพอดี ก็เลยพลอยโดนหางเลขไปด้วยกระมัง”
เย่ไห่ถังหันกลับมาทันที เหยียดกำปั้นเล็กๆ ออก แล้วชกไหล่อินชิงเสวียนเบาๆ นางรู้ว่าเสด็จพี่สะใภ้มีทักษะวรยุทธ์สูงส่ง แต่ก็ไม่กล้าตีจริงๆ เพราะถ้าเกิดไปทำให้พี่ชายใจร้ายคนนั้นของนางโกรธขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ ตัวนางอาจจะโดนขายทิ้งไปก็ได้
“แน่นอนว่าโกรธท่าน เสียแรงที่ข้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืน คนทั้งวังรู้ว่าท่านกลับมาแล้ว แต่ดันไม่บอกข้า ฮึ่ม!”
เย่ไห่ถังยังคงเป็นเด็กสาวตัวน้อยที่ไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน แต่สิ่งที่ต่างจากเดิมก็คือ นางออดอ้อนเก่งขึ้นมาก
“ก็เพราะอยากทำให้เจ้าประหลาดใจอย่างไรล่ะ”
อินชิงเสวียนหยิบชุดเครื่องประดับหินเรืองแสงออกมาชุดหนึ่ง ครั้งที่แล้วที่ไม่ได้มอบให้นาง เพราะว่าไม่เหมาะที่จะให้มันเป็นของขวัญจากอินสิงอวิ๋น แต่อันที่จริงก็ได้แลกเปลี่ยนไว้นานแล้ว
ไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบเครื่องประดับ เย่ไห่ถังก็เช่นเดียวกัน เมื่อมองดูหินใสแวววาวบนจี้ ราวกับว่ามีแสงจันทร์สีฟ้าอ่อนอยู่ข้างใน จู่ๆ ปากเล็กๆ ของเย่ไห่ถังก็ยกยิ้มขึ้น
“สวยจังเลย ขอบคุณเสด็จพี่สะใภ้!”
เย่ไห่ถังสวมใส่ทันที แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ข้าสวยไหม”
“อ๊ะ ไม่สิ ข้าไม่อยากเจอเจ้าท่อนไม้หัวทึบนั่นหรอก ข้าเกรงว่าเสด็จพี่สะใภ้จะคิดถึงเขา แต่หาไม่เจอว่าเขาอยู่ที่ไหน ก็เลยจะพาเสด็จพี่สะใภ้ไป”
อินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
“เช่นนั้นก็ขอบคุณองค์หญิงไห่ถังมาก”
สำหรับการแต่งงานนี้ อินชิงเสวียนไม่มีความคิดใดๆ และไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้กับเย่จิ่งอวี้ ช่างเถอะ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกัน!
ครั้นแล้วทั้งสองคนก็มาที่พระที่นั่งเทียนเต๋อ อินชิงเสวียนจึงรู้ว่าพี่รองของนางพำนักอยู่ในวังหลวงจริงๆ
เท่าที่นางเข้าใจ ราชองครักษ์ในวังต้องสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป เมื่อไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ พวกเขาจะอาศัยอยู่ในจวนนอกวัง แม้ว่าในฮว๋าเซี่ยจะมีราชองครักษ์อาศัยอยู่ในวังหลายแห่ง แต่ในสมัยราชวงศ์โจวเรื่องนี้กลับเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูคุ้นทางของเย่ไห่ถัง คิดว่าคงไม่ได้มาที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ที่อินปู้อวี่ทำเฉยอยู่เช่นนี้ เพราะว่าเขาหัวทึบจริง หรือว่าไม่ชอบเย่ไห่ถังกันนะ
แล้วฝ่าบาทล่ะ...กำลังคิดอะไรอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...