อินปู้อวี่ไม่กล้าสบตาคู่นั้นโดยตรง ก้มหน้าพูดว่า “กระหม่อมจะกล้าหัวเราะเยาะองค์หญิงได้อย่างไร กระหม่อมเป็นห่วงองค์หญิง ดังนั้น...จึงมาเยี่ยม”
เย่ไห่ถังลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปหาเขาทีละก้าว
ถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้ากำลังจะไปจากวังหลวง จะไม่ได้รบกวนท่านอีกตลอดไป ท่านสมความปรารถนาแล้ว ยังต้องเป็นห่วงอะไรอีก”
อินปู้อวี่ก้มศีรษะลง มองดูปลายรองเท้าแล้วพูดว่า “ไม่ใช่อย่างที่องค์หญิงคิด กระหม่อมไม่เคยคิดเลยว่าองค์หญิงจะไปแต่งงานเชื่อมไมตรี”
เย่ไห่ถังยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ยถากถาง
“การแต่งงานเชื่อมไมตรีเพื่อเสริมสร้างอำนาจราชวงศ์ ทำให้ประชาชนมีความสุขสงบ เป็นเรื่องธรรมดาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วไม่ใช่หรือ จะไม่เคยคิดได้อย่างไร ท่านเคยไปทำศึกที่เจียงวู คงรู้สถานการณ์ที่นั่นดี ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ฟ้าดินกว้างขวาง สำหรับข้าคงเป็นสิ่งที่ดีมาก”
ทันใดนั้นอินปู้อวี่ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย
“ไม่ดี ที่นั่นไม่เหมาะกับองค์หญิงเลย ชาวเจียงวูส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกระโจม อพยพตามฤดูกาล แม้แต่ตำหนักที่ประทับที่เป็นทางการก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ องค์หญิงสูงศักดิ์ล้ำค่า จะทนสิ่งนี้ได้อย่างไร”
เย่ไห่ถังมองดูเขาแล้วพูดว่า “ถ้าพวกเขามีชีวิตอยู่ได้ ข้าก็ต้องอยู่ได้ ถ้าอยู่ไม่ได้ งั้นก็แค่ตายอยู่ข้างนอกนั่นซะก็จบเรื่อง แทนที่จะอยู่ในวัง ทำให้คนอารมณ์เสีย”
ดวงตาของอินปู้อวี่เปลี่ยนเป็นสีแดง
“ไม่ ไม่มีใครกล้าเกลียดองค์หญิง กระหม่อมจะไปหาฮองเฮา อธิบายเรื่องนี้ให้นางฟัง ฝ่าบาทมีความรักต่อนางอย่างลึกซึ้ง ต้องเปลี่ยนใจได้แน่นอน”
“นั่นไม่จำเป็น ในเมื่อท่านไม่ชอบข้า แม้ว่าข้าจะอยู่ที่นี่ แล้วจะมีประโยชน์อะไร อินปู้อวี่ท่านไปเถอะ”
เย่ไห่ถังหันกลับมา และเดินทื่อๆ ไปทางหน้าต่างอย่างไร้จิตวิญญาณ
แต่กลับรู้สึกว่าข้อมือถูกบีบ มีคนจับไว้
เย่ไห่ถังหันกลับมา ก็สบตากับอินปู้อวี่ที่ส่งสายตาร้อนรนกระวนกระวายใจ
“ข้า...ไม่ให้เจ้าไป!”
อินปู้อวี่พยักหน้าอย่างแน่วแน่มั่นคง
“ถูกต้อง ทว่า เจ้าอาจสูญเสียวิถีชีวิตในฐานะองค์หญิง และข้าจะไม่สามารถเป็นขุนนางในราชสำนักได้อีก จะไม่มีอินปู้อวี่และเย่ไห่ถังในโลกนี้อีกต่อไป เราจะเป็นเหมือนคนธรรมดา หนุ่มทำนาสาวทอผ้า มีชีวิตที่แสนจืดชืดและธรรมดา เจ้า...จะยินดีไหม”
เย่ไห่ถังเข้าใจทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แค่เพียงเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างเดินทางไปแต่งงานเชื่อมไมตรี นางกับอินปู้อวี่ก็สามารถอาศัยความตายนี้หลบหนีไปได้
นี่เป็นวิธีง่ายๆ ในการลดความเสียหายให้น้อยที่สุดจริงๆ ทั้งไม่ทำให้เสด็จพี่พาลโกรธใครได้ และจะไม่ทำร้ายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่สะใภ้
เย่ไห่ถังพยักหน้าโดยเร็ว โถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา นางกอดอินปู้อวี่อย่างแรง ราวกับกำลังกอดดวงอาทิตย์ที่เป็นของนางเพียงผู้เดียว
นางซบหน้าลงบนอกของเขา กล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า “ยินดี ไม่ว่าจะใช้ชีวิตกับท่านแบบไหน ตราบใดที่ได้อยู่กับท่าน ข้าก็ยินดี!”
“ข้าไม่ยินดี!”
เสียงที่ชัดเจนดังมาจากนอกประตู เย่จิ่งอวี้ในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองอร่ามก็เดินเข้ามาในห้องโถงด้วยใบหน้าที่มืดมน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...