"หรือว่าเขาก็คือเสด็จอาสิบสามของฝ่าบาท เย่จั้น?" อินชิงเสวียนเอ่ยถามด้วยความประหลาด ใจ
ฉินเทียนพยักหน้ากล่าวว่า "ใช่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งออกไปดู ทหารอารักขาล้วนสวมชุดเกราะสีชาด ยกเว้นค่ายเปลวเพลิงสีชาดของท่านอ๋องสิบสามแล้ว ต้าโจวของเราก็ไม่มีผู้ใดสวมเสื้อเกราะประเภทนี้อีก"
อินชิงเสวียนร้องอ้อออกมาคำหนึ่ง แล้วพูดว่า "ฟังดูแข็งแกร่งมาก"
"ย่อมเป็นเช่นนั้น มีท่านอ๋องสิบสามเฝ้าประจำการอยู่ในเมืองซุ่ยหาน หลายปีมานี้จึงไม่มีผู้ใดกล้ากระทำผิดใดๆ"
ฉินเทียนยกย่องเย่จั้นเป็นอย่างมาก กล่าวถึงด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิใจบนใบหน้า
เมื่อได้ยินคำว่า ‘เมืองซุ่ยหาน’ อินชิงเสวียนก็จำได้ว่านั่นคือสถานที่ที่บิดาของเจ้าของร่างเดิมอาศัยอยู่
จะต้องหาโอกาสไปพบกับเย่จั้น แล้วถามว่าครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมมีชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยพวกเขาขจัดความอยุติธรรมได้ในขณะนี้ แต่ถ้าสามารถส่งเงินให้ได้บ้างก็เป็นการดี เพื่อเอาไว้ให้จับจ่ายใช้สอย
"ท่านอ๋องสิบสามจะไปพำนักอยู่ที่ใดรึ"
ฉินเทียนกล่าว "ในเมืองหลวงมีจวนจิ้งอ๋ฮงอยู่หลังหนึ่ง ที่นั่นเป็นที่พำนักของท่านอ๋องสิบสาม แม้ว่าท่านอ๋องสิบสามจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่ฝ่าบาทก็ยังคงส่งคนไปทำความสะอาดบ่อยครั้ง"
อินชิงเสวียนพยักหน้ากล่าวว่า "ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับเสด็จอาของพระองค์จะดูไม่เลวเลย"
ฉินเทียนยิ้มแล้วพูดว่า "ย่อมเป็นเช่นนั้น พวกเขาสองคนมีอายุไล่เลี่ยกัน ได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาย่อมดีกว่าผู้อื่นเป็นธรรมดา"
อินชิงเสวียนส่งเสียงอืมเป็นเชิงรับรู้ ทว่าในใจกำลังคิดว่าจะพบกับเย่จั้นได้อย่างไร
หลังจากคิดดูแล้ว ก็คิดว่าจะเข้าไปถามข่าวได้แค่ในฐานะขันทีเท่านั้น
จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง ถ้าตัวเองไป เกรงว่าเย่จิ่งอวี้จะรู้ทันที นางควรไปขอร้องจอมพลเฒ่ากวน แล้วปลอมตัวเป็นผู้ติดตามของเขาและรับฟังอยู่ข้างๆ เท่านั้น
ในขณะที่นางกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินเทียนถามอีกครั้ง "เสี่ยวเสวียนจื่อ เมื่อครู่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา ข้ากับหลี่ฉีตามหาตัวเจ้าแทบแย่"
พออินชิงเสวียนมาถึงสนามฝึก นางก็ไปพูดคุยเรื่องค่ายกลโล่กำแพงกับจังเถี่ยและสวีเหลียง ฉินเทียนจึงไม่มีเวลาถาม
อินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า "เมื่อครู่ข้าเหมือนจะเห็นท่านแม่ของข้า จึงวิ่งตามนางไปดู ไม่มีอะไรหรอก"
อินชิงเสวียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ "ไม่ต้องจริงๆ ข้าหารถม้าสักคันก็พอแล้ว"
"ไม่ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เราทั้งคู่ก็รับผิดชอบไม่ไหว"
ศีรษะของหลี่ชีสั่นคลอนไปมาเหมือนการตีกลองป๋องแป๋ง
อินชิงเสวียนกลอกตามองบน ดูท่าว่าวันนี้คงจะสลัดไม่พ้นแน่
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงเรือนจุ้ยหงขึ้นมา ไม่แน่ว่าตอนนี้กวนเซี่ยวอาจยังอยู่ที่นั่น ถ้าไปจวนจอมพลไม่ได้ เช่นนั้นไปหาเขาแทนก็ได้เหมือนกัน
นางยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า "จริงๆ แล้วข้าไม่อยากได้แตงโม แต่ข้าอยากไปที่ไหนสักแห่ง"
"ที่ไหน" ทั้งสองถามพร้อมกัน
อินชิงเสวียนแสร้งทำเป็นเขินอาย แล้วกระซิบบอกว่า "จริงๆ แล้ว...ข้ามีคนรักอยู่คนหนึ่ง อยู่ที่เรือนจุ้ยหง ข้าอยากไปหานาง ไม่ทราบว่าสหายทั้งสองสนใจหรือไม่ หากพวกเจ้าเต็มใจ ข้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างเอง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...