อินชิงเสวียนหันม้ากลับในทันที
“เชิญท่านอ๋อง!”
“เชิญ”
เย่จั้นกำปั้นกำไว้ที่หน้าอก ยืดเอวนั่งหลังตรง ท่าทางราวกับต้นไผ่ สูงตระหง่านไม่ธรรมดา
ท่าทีของพลทหารเช่นนี้ ทำให้อินชิงเสวียนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา อีกประเดี๋ยวจะเข้าไปแลกสุราดีในมิติ ให้เขาลองชิมเสียหน่อย
ในระหว่างที่ครุ่นคิด เย่จั้นก็ควบม้าของเขาไป
“ที่นี่เป็นอย่างไร?”
อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็เห็นป้ายขนาดใหญ่แขวนอยู่ด้านบน โดยมีตัวอักษรสี่ตัวว่าโรงเตี๊ยมจวี้เสียนเขียนอยู่บนนั้น ซึ่งมีเสน่ห์แบบโบราณเป็นอย่างมาก
ยิ้มเบาๆ และพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องชอบก็พอแล้วขอรับ”
ทั้งสองลงจากม้าพร้อมกัน เย่จั้นสังเกตเห็นสิ่งที่อินชิงเสวียนเหยียบ จึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “นี่คือโกลนม้าที่ฝ่าบาททรงว่าไว้ใช่หรือไม่?”
อินชิงเสวียนพยักหน้าและพูดว่า “ขอรับ ของสิ่งนี้จะช่วยให้คนอยู่บนหลังม้าได้อย่างมั่นคง ท่านอ๋องนำกลับไปด้วยได้นะขอรับ”
เย่จั้นขี่ม้าเป็นประจำ จึงรู้ถึงประโยชน์ของมันเป็นอย่างดี อดไม่ได้ที่จะพูดชื่นชมออกมาจากใจ “เป็นของดีจริงๆ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจล่ะ”
อินชิงเสวียนยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับข้าเลย ครอบครัวของข้ายังต้องการให้ท่านอ๋องดูแลอีกมาก”
“คุณชายก็อย่าได้เกรงใจข้าเช่นกัน ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายดายมาก”
ระหว่างที่พูด ลูกจ้างก็เดินออกมาต้อนรับ
เย่จั้นยกชุดคลุมและเดินขึ้นชั้นสอง ท่าทางการเดินสบายใจเป็นอย่างมาก
อินชิงเสวียนก็ยืดหลังตรงโดยไม่รู้ตัว ไม่อยากเปรียบเทียบกับเขาต่อไป จากนั้นก็คิดว่าตัวเองต้องไปเอาเหล้าในมิติ จึงพูดกับเย่จั้นว่า “ข้ามีงานที่ต้องไปสั่งไว้ ท่านอ๋องได้โปรดรอสักครู่”
เย่จั้นหันกลับมามอง และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ข้าไม่รีบ”
อินชิงเสวียนรีบออกจากโรงเตี๊ยม และหาสถานที่ที่ไม่มีผู้คนเพื่อเข้าไปในมิติ และทำการแลกเหล้าเหมาไถออกมา
ของสิ่งนี้แพงทีเดียว ใช้คะแนนสะสมถึงสามสิบคะแนน
เพื่อครอบครัวเจ้าของร่างเดิม อินชิงเสวียนจึงยอมทำใจแลกมา
เมื่อขึ้นชั้นสอง ก็ถูกลูกจ้างนำไปที่ห้องส่วนตัว
เย่จั้นกำลังนั่งรออยู่ด้านใน พร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยบนริมฝีปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย และดวงตาของเขาก็สง่างามและอ่อนโยน
หากว่าไม่เคยเห็นเขาต่อสู้มาก่อน อินชิงเสวียนแทบมองไม่ออกเลยว่าเขาเป็นนายพลที่นำทัพไปทำสงคราม
ด้วยรูปลักษณ์และรูปร่างนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นขุนนางที่หล่อเหลา
เมื่อนึกถึงเย่จิ่งอวี้และเย่ไห่ถัง อินชิงเสวียนอดชื่นชมไม่ได้ว่าพันธุกรรมของตระกูลเย่ค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว ผู้ที่เกิดมาย่อมเป็นสาวงามและหนุ่มหล่อ
แม้แต่เด็กดื้ออย่างเย่จิ่งหลาน ก็เป็นคนที่น่ารักสดใส โตขึ้นไปต้องเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาแน่นอน
เมื่อนึกถึงเสี่ยวหนานเฟิง อินชิงเสวียนก็อดกระตุกยิ้มที่มุมปากไม่ได้ ลูกชายของนางก็ดูดีที่เดียว ตอนนี้ก็หล่อมากพอแล้ว โตขึ้นไปต้องมีเสน่ห์ล้นหลามเป็นแน่
เมื่อเงยหน้ามอง เย่จั้นกำลังมองนางอยู่ จึงรีบกระแอมไอเสียงแห้งและพูดว่า “ให้ท่านอ๋องรอนานแล้ว”
เย่จั้นพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ข้าสั่งอาหารไว้หลายอย่างแล้ว ที่เหลือยกให้เป็นหน้าที่เจ้า”
สำหรับอาหารที่ไม่มีซีอิ๊วและการปรุงรสอะไรมากนัก อินชิงเสวียนจึงไม่ได้สนใจอะไร จึงสั่งไปเพียงไม่กี่อย่าง พร้อมกับเปิดขวดเหล้าออก
อินชิงเสวียนพูดอย่างภูมิใจ “ทุกคนในฮว๋าเซี่ยมีอาหารและเสื้อผ้าที่เพียงพอ และไม่มีการก่อกบฏ ผู้หญิงยังสามารถทำงานนอกบ้านได้ ไม่เหมือนในต้าโจวที่ผู้หญิงต้องปลอมตัวเมื่อออกไปข้างนอก อีกทั้งยังผลักดันการมีคู่ครองคนเดียว ไม่แบ่งตำแหน่งนางสนมขั้นต่างๆ และถือเป็นคู่แท้ตลอดชีวิต!”
เย่จั้นเลิกคิ้ว และมองไปยังอินชิงเสวียน
เกรงว่าประโยคสุดท้ายคือสิ่งที่นางอยากผู้ที่สุด
“หากมีประเทศแบบนี้ในโลกนี้ คงจะเป็นสถานที่ที่ผู้คนต่างถวิลหา”
“ขอรับ”
อินชิงเสวียนยกแก้วเหล้าขึ้น พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เรื่องเหล่านี้ข้าก็ได้ยินมากจากคำบอกเล่า ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เหล้าจอกนี้ ข้าขอคารวะท่านอ๋อง!”
เย่จั้นยกแก้วเหล้าขึ้น และชนแก้วกับอินชิงเสวียนหนึ่งที อินชิงเสวียนดื่มเข้าไปหนึ่งอึก และไอออกมาด้วยความเร่าร้อนในทันที
เย่จั้นมองนางและพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าไม่ช่ำชองเรื่องสุรา เช่นนั้นก็ดื่มชาเอาเถอะ”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
อินชิงเสวียนดื่มสุราไม่เป็นจริงๆ จึงไม่สามารถลิ้มรสอะไรดีๆ ได้เลย นางจึงรีบรินชาด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว
เมื่อทำความสะอาดลำคอแล้วก็พูดขึ้น “วันก่อนขอบพระทัยท่านอ๋องที่ดูแล หากท่านอ๋องกลับถึงเมืองซุ่ยหาน ขอฝากบอกพ่อแม่แทนข้าด้วยว่าอย่าได้เป็นห่วง”
“แน่นอนสิ”
เย่จั้นรินเหล้าให้ตัวเองอีกหนึ่งแก้ว และพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย หากเจ้าจะหนีไป เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก ตอนนี้เจ้าเองก็มีตำแหน่งสูงส่ง หากออกจากเมืองหลวงจะต้องเดือดร้อนคนหมู่มาก”
อินชิงเสวียนถอนหายใจและพูดว่า “ตอนแรกข้าก็คิดไว้อย่างดี แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นผล แต่ข้าก็ยังอยากขอบพระทัยท่านอ๋องที่ช่วยข้าแก้ปัญหา”
เย่จั้นยิ้มจางๆ และพูดว่า “เรื่องยังไม่สำเร็จ น่าละอายนักหากต้องรับคำขอบคุณไว้ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน การอยู่ต่อเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้ามากที่สุด ซึ่งจะสามารถช่วยอินจ้งออกจากเมืองซุ่ยหานได้เร็วที่สุด อีกทั้งฝ่าบาททรงเป็นห่วงเจ้ามาก วันนั้นที่เจ้าเข้าไปในหอสวดมนต์ ข้าและฝ่าบาทไปตามหาเจ้าที่หอ เสวียนเจินจุดไฟสัญญาณแจ้งเหตุร้าย เพื่อไม่ให้ถูกเปิดเผยตัวตน เขาจึงต้องหนีไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...