สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 265

ประกายสีเงินวาววับ แล้วก็มีกระบี่ยาวแทงสวนเข้ามาจากด้านนอกประตู อินชิงเสวียนไม่กล้าแตะต้องกระบี่โดยตรง จึงถูกบังคับให้กลับเข้าไปในห้องทันที

ฟางรั่วชักกระบี่ออกมาแล้วปรี่เข้าไปทันที

“เจ้ากล้าหนีรึ”

อา‍ซือ‍หลานหายแวบไปอีกด้าน หรี่ตามองไปยังอินชิงเสวียนอย่างพิจารณา

เมื่อเห็นว่านางเคลื่อนไหวอย่างสะเปะสะปะ ไม่รู้จักการตอบโต้ด้วยกระบวนท่า อาศัยเพียงการโหมโจมตีด้วยกำลังดุร้าย ทันใดนั้นก็ทราบชัดเจนทันที

นางอาจมีแค่กำลังภายใน แต่ไม่รู้จักเพลงยุทธ์ด้วยซ้ำ

เพียงแต่นางอายุเท่านี้ แต่ไปฝึกฝนกำลังภายในที่ลึกซึ้งเช่นนี้มาจากไหนกัน

อินชิงเสวียนก็รู้สึกกระวนกระวายใจดั่งไฟแผดเผาอยู่ครามครัน ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของนางจะไม่มีประโยชน์ ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่ว่าทักษะวรยุทธ์จะดีแค่ไหนแต่ก็ต้องกลัวคนจนตรอกที่ทุ่มสุดกำลัง

เมื่อเห็นฟางรั่วถือกระบี่ยาวเดินกดดันเข้ามาราวกับพยัคฆ์คำรามลม อินชิงเสวียนทำได้เพียงหลบหลีกไปมา ไม่กล้าที่จะลงมือต่อสู้เลย เพราะกลัวว่าหากไม่ระวัง ฟางรั่วจะตัดแขนของตัวเองทิ้ง

อา‍ซือ‍หลานก็เห็นถึงจุดสำคัญตรงนี้เช่นกัน จึงดึงกระบี่อ่อนที่คาดเอวออกมาทันที

พวกเขาทั้งสองต่างกดดันอย่างหนัก พริบตาเดียวก็บีบอินชิงเสวียนให้จนมุมได้ทันที

ในขณะเดียวกันก็หมดเวลาห้านาทีแล้ว

อินชิงเสวียนรู้สึกว่าขาของนางเริ่มอ่อนแอ จึงทรุดนั่งลงบนพื้น

ฟางรั่วหยุดการโจมตีของตัวเองไม่ทัน ปลายกระบี่ได้ตรงเข้าไปยังลำคอของอินชิงเสวียน แต่แล้วกระบี่อ่อนก็โผล่ออกมา และปลายกระบี่ของฟางรั่วก็เบี่ยงออกไปหลายนิ้ว

ฟางรั่วขมวดคิ้ว “นายท่าน”

อา‍ซือ‍หลานพูดเรียบๆ “ถอยออกไปก่อน”

ฟางรั่วกังวลเล็กน้อย แต่ยังคงถอยออกไปตามคำสั่ง

อา‍ซือ‍หลานเก็บกระบี่อ่อน แล้วก้มมองดูอินชิงเสวียน

“หรือว่าพลังยุทธ์ของเจ้ามีเวลาจำกัด?”

อินชิงเสวียนขี้เกียจเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา นางเอนหลังพิงกำแพงหายใจเหนื่อยหอบ

อา‍ซือ‍หลานสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าอินชิงเสวียนไม่มีแรงโจมตีแล้ว จึงค่อยๆ ก้มลง

“มาเถอะ ข้าจะช่วยลุกขึ้น”

ทันใดนั้นแววตาของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไป นางกระโดดขึ้นจากพื้น และรัดคอของอา‍ซือ‍หลานอย่างแรง

นี่คือการแลกคะแนนจากระบบเป็นครั้งที่สอง

“ส่งข้าออกไป ไม่งั้นข้าจะบีบคอท่านให้ตาย”

รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก อา‍ซือ‍หลานถึงกับยังได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองหัก ทันใดนั้นก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา

“เจ้าเป็น...”

“หยุดพูดไร้สาระ ไปเร็ว”

อินชิงเสวียนรัดคอของเขาแล้วเดินออกไป พอฟางรั่วได้ยินเสียงก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก เมื่อนางเห็นอาซือหลานถูกอินชิงเสวียนรัดคอ นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความตกใจ “บังอาจ รีบปล่อยนายท่านของเราเดี๋ยวนี้นะ”

อินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “หากเจ้ากล้าพูดอีกคำหนึ่ง ข้าจะบีบคอเขาทันที”

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามวันนี้นางต้องออกไปให้ได้

ถ้ากวนฮั่นหลินและเย่จั้นตายจริงๆ ต้าโจวจะตกอยู่ในอันตราย

อา‍ซือ‍หลานขมวดคิ้ว

“ฟางรั่ว ถอยออกไป”

ฟางรั่วไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลีกทาง

อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วผลักอาซือหลานออกไปที่ทางเดิน

อินชิงเสวียนสามารถแลกพลังได้เพียงห้านาที และการเดินออกจากอุโมงค์นี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบห้านาที

ซึ่งหมายความว่านางต้องแลกพลังของนางถึงสี่ครั้ง หากเป็นเมื่อก่อนถึงแม้ต้องใช้คะแนนเดียวนางก็คงจะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก

ตอนนี้นางไม่มีเวลาสนใจอะไรมากนัก ในเมื่อทะลุมิติมาต้าโจว เช่นนั้นนางก็ต้องทำให้ต้าโจวสงบสุข

ระหว่างทาง อินชิงเสวียนแลกเปลี่ยนพลังอย่างต่อเนื่อง เมื่อนางแลกเปลี่ยนครั้งที่ห้าสำเร็จ นางก็มองเห็นทางออกแล้ว

ฟางรั่วปิดปากของอินชิงเสวียน พร้อมกับถือกระบี่ยืนคุมอยู่อีกด้าน

อินชิงเสวียนอยากจะกัดนิ้วของฟางรั่วมาก แต่นางไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปาก ทำได้เพียงฟังเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกจากห้องไป

“นายท่าน ควรทำอย่างไรกับนางดี”

อา‍ซือ‍หลานพูดด้วยใบหน้ามืดมน “พากลับไป แล้วหาโซ่ที่หนากว่านี้มารัดให้แน่น “

อินชิงเสวียนถูกนำกลับไปที่บ้านหินอีกครั้ง ครู่ต่อมา โซ่เหล็กเส้นหนาเท่ากับแขนก็ถูกเอามามัดอินชิงเสวียนไว้กับเตียง

อินชิงเสวียนพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะ นี่นางทำผิดกฎของสวรรค์งั้นหรือ ถึงได้ใช้โซ่เหล็กหนาขนาดนี้มามัดสตรีที่อ่อนแอเช่นนาง

เพียงแต่นางไร้ซึ่งกำลัง ดังนั้นนางจึงขี้เกียจเกินกว่าจะพูด นางหลับตาลงไปเสียดื้อๆ

อาซือหลานตรวจชีพจรของนาง ชีพจรยังแสดงว่ามีอาการหมดแรง ดูท่าว่าพลังยุทธ์นี้ยังมีข้อจำกัด จึงพูดกับฟางรั่วว่า “เฝ้านางไว้ให้ดี ไม่ว่านางต้องการทำอะไรก็ห้ามปล่อยนางไปเด็ดขาด”

ฟางรั่วตอบรับอย่างนอบน้อม “เจ้าค่ะ”

อา‍ซือ‍หลานขยับคอที่ถูกบีบจนเจ็บ แล้วเดินออกจากประตูอย่างรวดเร็ว

อินชิงเสวียนหลับลึกไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อลืมตา ก็เห็นแสงของไข่มุกราตรี

ฟางรั่วนั่งอยู่บนโต๊ะหินข้างๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง เหมือนว่านางจะหลับไป

อินชิงเสวียนกะเวลาคร่าวๆ ว่าตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เพื่อที่จะฟื้นความแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด นางคิดในใจ แล้วตัวคนก็เข้าไปในมิติทันที

เดิมทีโซ่เหล็กผูกอยู่กับร่างของนาง หลังจากร่างคนหายไป โซ่เหล็กก็ตกลงไปบนเตียงหินทันที เมื่อได้ยินเสียง ฟางรั่วก็หันขวับ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเตียงว่างเปล่า

อินชิงเสวียนใช้ห้าคะแนนเพื่อเปิดจอภาพในมิติ ในขณะที่แช่ตัวในน้ำพุวิญญาณ นางก็มองดูฟางรั่วที่กำลังตามหาตัวเองทุกที่

ทันใดนั้นก็มีแผนในใจ หากนางไม่ออกจากมิติเลย ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้อาจคิดว่านางหนีไปแล้ว พวกเขาอาจถอนตัวออกจากทางลับแห่งนี้

เมื่อคิดได้ดังนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

ถึงอย่างไรหน้ากากก็ต้องใช้เวลาสามวันถึงจะสร้างเสร็จ ตราบใดที่นางออกไปได้ภายในสามวันนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์