“เจ้ากล้ารึ!”
อินชิงเสวียนตะโกนเสียงแหลม แต่ชายคนนั้นก็จากไปไกลแล้ว
เมื่อคิดว่าเสี่ยวหนานเฟิงอายุเพียงไม่กี่เดือน อินชิงเสวียนก็อดขาอ่อนไม่ได้ และเกือบจะล้มลงกับพื้น
นางบังคับตัวเองให้ยืนอย่างมั่นคง และบอกตัวเองว่าให้สงบสติอารมณ์
เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ฆ่าเสี่ยวหนานเฟิงทันที นั่นหมายความว่าเขาจะยังไม่ฆ่าเด็กตอนนี้
ตราบใดที่ตัวเองรีบไปยังสถานที่ที่เขาพูด ก็จะมีโอกาสช่วยเสี่ยวหนานเฟิงได้
หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก ต่อให้นางต้องตาย นางก็จะทำให้หัวขโมยนั่นตายไปพร้อมกับลูกของนาง!
“พระสนม!”
พวกเสี่ยวอานจื่อทั้งสามคนก็วิ่งตามมาทันแล้ว
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนยันตัวด้วยกำแพงวัง สีหน้าซีดเซียว เสี่ยวอานจื่อก็เหงื่อออก คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง
“กระหม่อมมีความผิด กระหม่อมสมควรตาย เป็นกระหม่อมที่ไม่ดูแลองค์ชายน้อยให้ดี ขอให้พระสนมลงโทษด้วย”
อวิ๋นฉ่ายก็ตกใจจนร้องไห้เช่นกัน ถามด้วยเสียงสะอื้นว่า “พระสนมเพคะ องค์ชายน้อยจะเป็นอะไรหรือไม่เพคะ”
เมื่อเห็นว่าเด็กหายไปแล้วจริงๆ ยายหลี่ก็หมดสติไปทันที
ตั้งแต่เด็กเกิดมาจนถึงตอนนี้ ก็เป็นนางที่ดูแลมาโดยตลอด เมื่อครู่ได้ยินเสี่ยวอานจื่อบอกว่าเด็กถูกชิงตัวไป ในใจยังมีความหวังว่าจะโชคดีอยู่บ้าง ตอนนี้พอเห็นอินชิงเสวียนในสภาพเช่นนี้ ก็รู้ว่าเป็นเรื่องจริง ภาพตรงหน้าตัดและหมดสติไปในทันที
อินชิงเสวียนมารับร่างของยายหลี่อย่างรวดเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าจะออกจากวังเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเด็กจะตกอยู่ในอันตราย เสี่ยวอานจื่อ เจ้าพายายหลี่กลับไปที่ตำหนักจินหวู อวิ๋นฉ่ายไปหาฝ่าบาทที่ห้องหนังสือ บอกว่าข้าไปวัดเฉิงหวงทางตะวันตกของเมือง บอกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ถ้าเจอลูก ข้าจะรีบกลับมา”
อินชิงเสวียนส่งยายหลี่ให้กับเสี่ยวอานจื่อ จากนั้นก็แลกเปลี่ยนความเร็วในมิติ และรีบไปที่ประตูวังทันที
นางกระวนกระวายใจดั่งไฟแผดเผา จึงวิ่งตรงไปทางตะวันตกของเมืองโดยไม่สนใจว่าความเร็วของนางจะน่าตกใจเพียงใด
ความคิดทั้งหมดก็เพื่อปลอบให้ตัวเองสบายใจเท่านั้น มีเพียงได้เห็นตัวเสี่ยวหนานเฟิงจริงๆ อินชิงเสวียนถึงจะรู้สึกสบายใขได้
นางต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะพบวัดเฉิงหวงที่ทรุดโทรม
แต่ไม่มีใครอยู่ข้างใน
และวัดนี้ก็ไม่ใหญ่นัก มองแค่แวบเดียวก็เห็นหมดแล้ว
อินชิงเสวียนเปิดม่านโต๊ะหมู่บูชา แล้วเดินอ้อมไปทางด้านหลังของพระพุทธรูป แต่ก็ไม่เห็นที่ใดที่พอจะซ่อนใครได้เลย หัวใจเต้นแรงมาก หรือว่าโจรชั่วนั่นจัดการกับตัวประกันอย่างเสี่ยวหนานเฟิงไปแล้ว
ไม่สิ เด็กรับใช้เป็นคนของกวนเมิ่งถิง หากเด็กเป็นอะไรไป กวนเมิ่งถิงก็ไม่พ้นผิด เขาไม่น่าจะโง่ขนาดนี้
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงการสมคบคิดระหว่างอาซือหลานและกวนเมิ่งถิงขึ้นมา ใจของนางก็อดสงสัยไม่ได้ หรือว่าเด็กรับใช้วันนี้ถูกแทนที่แล้ว?
เมื่อนึกถึงความเจ้าเล่ห์เพทุบายของอาซือหลาน อินชิงเสวียนก็สังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปได้
แต่...ถ้าเป็นเขาจริงๆ ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เขาก็ไม่น่าจะทำร้ายเสี่ยวหนานเฟิง
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็มีความกล้าหาญมากขึ้น
นางยืนอยู่ในวัดแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ข้ามาแล้ว โปรดปรากฏตัวด้วย”
ทันทีที่อินชิงเสวียนพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเฟี้ยวดังมาจากด้านหลัง มีลูกธนูยาวยิงเข้ามาจากด้านนอก และบังเอิญถูกตอกไปที่หัตถ์ขวาของพระพุทธรูป นอกจากนี้ยังมีจดหมายติดอยู่ในลูกธนูด้วย
อินชิงเสวียนรีบเปิดจดหมายอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นสิ่งที่เขียนไว้ด้านบน
หากต้องการตามหาลูกชาย ให้ไปที่ร้านตีเหล็กทางตะวันออกของเมือง
โจรชั่วไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ
“ลูกข้าอยู่ไหน ส่งตัวเด็กคืนมาเดี๋ยวนี้”
อาซือหลานถอนหายใจ แล้วพูดเสียงเนิบๆ ว่า “ถึงอย่างไรครั้งหนึ่งเจ้ากับข้าก็เป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้”
อินชิงเสวียนตะโกนด้วยความโกรธ “หุบปาก เจ้าจะเทียบกับพี่ชายของข้าได้อย่างไร ข้าขอถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เด็กอยู่ที่ไหน”
อาซือหลานยกริมฝีปากขึ้น และพูดด้วยรอยยิ้มลุ่มลึก “ถึงแม้เจ้าจะไม่ยอมรับข้าในฐานะพี่ชาย แต่ข้าก็ยังห่วงใยเจ้าในฐานะน้องสาวของข้าเสมอ เด็กอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย เจ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เจ้าเต็มใจไปเจียงวู ข้าจะสัญญาว่าจะให้แม่ลูกได้พบกัน”
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากบอกข้า เช่นนั้นข้าก็จะตามหาด้วยตัวเอง”
อินชิงเสวียนไม่อยากเสียเวลาพูดกับเขาอีก จึงแลกเปลี่ยนความเร็วในมิติ แล้วพุ่งตัวเข้าไปในห้องปานอสุนีบาต นางค้นหาบ้านทั้งสามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีร่องรอยของเด็กเลย นอกจากอาซือหลานแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่นี่
อินชิงเสวียนรู้สึกเย็นวาบที่หัวใจ เมื่อนางมาที่ประตู ความอดทนของนางก็หมดลงไปโดยสิ้นเชิง
“ในเมื่อเจ้าไม่ส่งตัวเด็กคืนมา เช่นนั้นข้าจะใช้เจ้ามาแลกเปลี่ยน”
พลังแห่งมิติพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วร่างกาย แม้ว่าอินชิงเสวียนจะไม่รู้เพลงยุทธ์ แต่ฝ่ามือที่โจมตียังคงมีพลังยิ่งใหญ่และมหาศาล
อาซือหลานหลบเลี่ยงอย่างว่องไว พูดด้วยรอยยิ้มกึ่งสัพยอก “ข้าไม่คิดว่าน้องสาวคนดีของข้าจะมีวรยุทธ์ดีเช่นนี้ ทำให้พี่ชายของข้าประหลาดใจแล้ว แต่อาศัยแค่เพลงยุทธ์แมวสามขาของเจ้า จะมาจับตัวข้า ก็เป็นความฝันของคนโง่แล้วล่ะ”
“จะหนีรึ ไม่มีทาง!”
ความเร็วของมิติเริ่มต้นจากเท้า จังหวะการย่างก้าวของอินชิงเสวียนรวดเร็วปานอสุนีบาต แม้ว่านางจะตามอาซือหลานได้ทันทุกครั้ง แต่ทุกฝ่ามือที่ซัดออกไปโดนแค่ความว่างเปล่า นางไม่สามารถทำร้ายเขาได้เลย
นี่เป็นเพราะข้อเสียของการไม่รู้เพลงยุทธ์ เพลงยุทธ์ที่เหมือนทักษะการต่อสู้ธรรมดาๆ เมื่อมาต่อกรกับอาซือหลานที่เป็นยอดฝีมือทางด้านวรยุทธ์ ก็เหมือนกับเด็กน้อยที่เพิ่งหัดวิ่ง ที่ต่อสู้กับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้พลังและความเร็วของมิติถูกใช้ไปแล้วสามครั้ง อินชิงเสวียนอดเป็นกังวลเสียมิได้ นางมีโอกาสเพียงสิบนาทีเท่านั้น หากนางจับอาซือหลานไม่ได้ พวกนางสองแม่ลูกอาจต้องโชคร้ายแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าที่เหมือนกับอินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเดินเข้าประตูวังหลวงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...