สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 340

ในระยะใกล้เช่นนี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเขามาถึงเมื่อใด

เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างชัดเจน ใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็มืดลง พลังที่มองไม่เห็นถูกรวบรวมอยู่ในฝ่ามือของเขา

“เป็นเจ้า!”

ซึ่งคนผู้นี้ก็คือคนประหลาดผมขาวในคืนจันทรุปราคานั่นเอง

คนประหลาดก้าวไปข้างหน้า มองไปยังเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงด้วยดวงตาที่ไม่แยแสคู่หนึ่ง

แทนที่จะตอบกลับถามว่า “นี่เป็นลูกของแม่หนูนั่นรึ”

“ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

เย่‍จิ่ง‍อวี้สะบัดฝ่ามือใส่เขา ชายประหลาดผมขาวสะบัดแขนเสื้อพรึบ ก็สามารถสลายพลังได้ทันที

ในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลงในแววตาที่เป็นเหมือนบ่อน้ำโบราณคู่นั้น

เขามองเย่‍จิ่ง‍อวี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“ไม่ได้เจอเจ้าแค่ไม่กี่วัน แต่วรยุทธ์ของเจ้ากลับสูงขึ้นอีกขั้น ช่างหายากยิ่งนัก”

ดวงตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อย เพียงพลิกฝ่ามือก็สามารถสลายพลังของเขาได้ คนประหลาดผู้นี้แข็งแกร่งมากจริงๆ

ทันทีที่ดีดนิ้ว กระบี่ยาวบนเอวก็ถูกปลดออก ปลายกระบี่อันสั่นไหวได้แทงไปยังคนประหลาดผมขาว

ชายคนนั้นหลบไปด้านข้าง และร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของยายหลี่ นิ้วเรียวเป็นเหมือนสาหร่ายที่ไต่ผ่านแขนของยายหลี่ ยายหลี่รู้สึกว่าเจ็บแขน รู้สึกเหมือนอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไม่ไหว

คนประหลาดตวัดแขน แล้วก็ได้ตัวเด็กมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา

การเคลื่อนไหวทั้งหมดลื่นไหลและรวดเร็วฉับพลัน จบในคราวเดียว

เย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องการหยุดเขา แต่ก็สายเกินไปแล้ว

เพียงอึดใจเดียวคนประหลาดก็กระโดดขึ้นไปสู่ที่สูง เย่‍จิ่ง‍อวี้กระวนกระวายใจ สะบัดข้อมือ แล้วกระบี่ยาวก็พุ่งออกมาราวกับดาวตก จากนั้นแทงกระบี่พุ่งเข้าใส่คนประหลาดผมขาว

คนประหลาดผมขาวยังคงมีท่าทางสงบ ราวกับเป็นคนเฉยชาตั้งแต่เกิด

เขาพลิกแขนเสื้อรับ แล้วโยนกระบี่ลงพื้น พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำร้ายเด็ก ข้าแค่อยากเจอแม่หนูคนนั้น”

เย่‍จิ่ง‍อวี้รีบพูดอย่างร้อนใจ “ข้าก็ตามหานางเหมือนกัน ตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในวังแล้ว วรยุทธ์ของผู้อาวุโสนั้นแข็งแกร่งมาก ทำไมตามหานางกับข้าล่ะ”

แม้ว่าชายคนนี้จะดูแปลกไปหน่อย แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายจ้าวเอ๋อร์ และดูเหมือนว่าครั้งล่าสุดเขาจะเรียกอินชิงเสวียนว่าลูกศิษย์

คนประหลาดผมขาวส่ายศีรษะ แล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ “ข้าไม่ชอบไปตามหาใคร ถ้าแม่หนูนั่นกลับมา ให้นางไปหาข้าที่จวนข้างๆ ร้านขายยาเทียนอัน ช่วงนี้ก็ให้เด็กนี่อยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนนะ”

เมื่อเห็นคนประหลาดจากไป เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ไม่วายโกรธจนโทสะโจมตีหัวใจ

เลือดในอกเป็นเหมือนกับน้ำเดือดที่ไหลพล่านกลับไปกลับมา รู้สึกเค็มปร่าในลำคอ แล้วกระอักเลือดออกมาเต็มคำ

“ฝ่าบาท!”

เมื่อนั้นทหารรักษาพระองค์จึงรู้สึกตัว ก้าวออกมาช่วยพยุงเย่‍จิ่ง‍อวี้

เมื่อสักครู่นี้เนื่องจากพลังของคนประหลาด จึงไม่มีใครกล้าชักกระบี่ออกมา ครั้นเห็นฝ่าบาทหลับตาแน่น พวกเขาก็รู้สึกละอายใจมาก รีบอุ้มเย่‍จิ่ง‍อวี้ขึ้นและวิ่งไปที่สำนักหมอหลวง

พวกยายหลี่ทั้งสามคนตกตะลึงงัน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กที่เพิ่งถูกช่วยกลับมา ยังอุ้มไม่ทันอุ่นแขนเลยด้วยซ้ำ แต่กลับถูกคนพาตัวไปอีกแล้ว

หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์จากไปนานแล้ว ยายหลี่จึงนึกได้ว่าต้องร้องไห้ เสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายก็รู้สึกตัวเช่นกัน เพียงครู่เดียวทั้งสามก็ร้องไห้ประสานเสียงกันระงม

นอกเมือง อินชิงเสวียนถูกอา‍ซือ‍หลานจับตัวไว้ และมัดตัวติดกับเก้าอี้

หลังจากการแลกเปลี่ยนสามครั้งแต่ยังทำอะไรเขาไม่ได้ อินชิงเสวียนก็ยอมแพ้ ถ้าครั้งนี้นางสามารถกลับไปได้อย่างราบรื่น นางจะต้องฝึกเพลงยุทธ์จากเย่‍จิ่ง‍อวี้ให้ดีอย่างแน่นอน ตอนนี้แม้ว่านางจะแลกเปลี่ยนจนหมดขีดจำกัด ก็อาจไม่สามารถทำร้ายอา‍ซือ‍หลานได้ ไม่เพียงแต่จะสิ้นเปลืองคะแนนเท่านั้น แต่นางก็จะเสียโอกาสเช่นกัน

มีความเร็วอยู่ในมือ การหลบหนีจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนหน้านั้น นางต้องหาเบาะแสที่อยู่ของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก่อน

เมื่อคิดได้ดังนี้ อินชิงเสวียนก็สงบลง

“จะพาข้าไปเจียงวูก็ได้ แต่ต้องพาเด็กมาให้ข้าดูหน่อย”

อาซือหลานยิ้ม นั่งอยู่เบื้องหน้าของอินชิงเสวียน ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “แม้ว่าเพลงยุทธ์ในด้านวรยุทธ์ของเจ้าจะไม่ดีเท่าข้า แต่ทักษะร่างกายของเจ้าก็ร้ายกาจมาก หากให้เจ้าเห็นเด็ก พวกเจ้าสองแม่ลูกจะไม่วิ่งหนีหายไปด้วยกันหรอกรึ ข้าไม่หลงกลเจ้าแน่”

“ในเมื่อเจ้าดื้อดึงเช่นนี้ งั้นข้าก็มีเพียงต้องใช้กลวิธีเท่านั้น”

ทันใดนั้นเขาก็ยกแขนเสื้อขึ้น มีกลิ่นหอมแปลกๆ โชยเข้ามาในจมูก อินชิงเสวียนรู้สึกเวียนหัว แต่มันคงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ความรู้สึกนี้ก็หายไป

หลังจากดื่มน้ำพุวิญญาณมามาก นางก็ไม่กลัวที่จะถูกวางยาอีก แต่นางยังคงให้ความร่วมมือ เอนตัวลงบนเก้าอี้

อา‍ซือ‍หลานยิ้มด้วยความพึงพอใจ ถามออกไปนอกประตู “โยวหลานกลับมาแล้วหรือ”

เสียงของฟางรั่วมาจากด้านนอก

“ยังไม่มา”

อา‍ซือ‍หลานยกมุมปากขึ้น นัยน์ตาฉายแววพึงพอใจ

“ดีมาก ถ้าแผนสำเร็จ เรื่องยุ่งยากจะลดลงได้มาก”

ฟางรั่วลังเลและพูดว่า “เย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้...”

นางไอแห้งๆ แล้วก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ข้าน้อยคิดว่าข้าควรเก็บเด็กไว้ เพื่อเอาไว้ข่มขู่”

อา‍ซือ‍หลานพูดอย่างเหยียดหยาม “แค่เด็กคนหนึ่ง จะใช้ขู่ใครได้ เจ้าคิดว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้จะสนใจเด็กคนหนึ่งงั้นหรือ ในวังมีนางสนมมากมาย ถ้าเขาอยากมีลูกก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือเท่านั้น ข้าไม่ต้องการเด็กเปรตนั่นอยู่กับชิงเสวียน ถ้านางชอบ ข้าจะช่วยทำให้นางมีลูกเอง”

คนในเจียงวูไม่สนใจเด็กเลยด้วยซ้ำ

ตอนที่อาซือหลานเป็นเด็กเขาก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป มิหนำซ้ำยังมีชีวิตที่โหดร้ายกว่าคนธรรมดาด้วย

เขาต้องผ่านการต่อสู้มากมายเพื่อเอาชีวิตรอดท่ามกลางพี่น้องหลายสิบคน ยกเว้นพี่ใหญ่อูเอิน ที่ปัจจุบันเป็นราชาเผ่า ลูกชายคนที่เหลือล้วนปล่อยให้รอดชีวิตไปตามยถากรรม

เมื่อนึกถึงชีวิตที่ต้องเข่นฆ่าและถูกคนฆ่าทุกวัน แต่มีอาหารไม่เพียงพอ มีชีวิตด้อยกว่าสุนัข ดวงตาของอาซือหลานก็ฉายแววเย็นชา

ตอนนี้เขาสามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ในที่สุด สิ่งที่เขาต้องการ ว่าต้องทำอย่างไรก็ต้องได้มา!

เมื่อนึกถึงตรงนี้ อา‍ซือ‍หลานก็ยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเย็นชา

สั่งว่า “เปลี่ยนหน้ากากใบหน้าใหม่ให้นางทันที แล้วรีบออกจากเมืองหลวงไป”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์