สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 343

เป็นเสี่ยวเอ้อร์ที่ถืออาหารเดินเข้ามาจากข้างนอก

อินชิงเสวียนรีบนอนลง จากนั้นสตรีสองคนก็ตามเข้ามาด้วย

เมื่อเห็นพวกนางทั้งสองคน อินชิงเสวียนก่นด่าอีก “ออกไปซะ เห็นหน้าพวกเจ้าข้าก็รู้สึกไม่อยากอาหาร ถ้าพวกเจ้ากล้าเข้ามาอีก ข้าจะอดอาหารตาย”

สตรีร่างท้วมที่อยู่ทางซ้ายพูดอย่างขุ่นเคือง “เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอกนักนะ”

อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ก็ข้าอยากได้คืบเอาศอก แล้วจะทำไม”

ฟางรั่วกระซิบ “พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ หลังจากให้นางกินอาหารแล้ว ข้าจะทำให้นางสลบ

ทั้งสองมองไปที่ฟางรั่วอย่างเย็นชา แล้วจึงจะถอยกลับออกไป

อินชิงเสวียนเอียงศีรษะแล้วถามว่า “เด็กกลับวังแล้วจริงๆ หรือ”

ฟางรั่วพยักหน้า “ส่วนเรื่องอื่น ข้าจะไม่บอกเจ้า”

จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง

ข้างกายอาซือหลานน่าจะมีสาวใช้อีกคน

ตอนนี้หญิงคนนั้นไม่อยู่ หรือว่านางปลอมเป็นตัวเอง

แล้วนางก็เข้าวัง...

ไม่ได้การแล้ว เกรงว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้อาจตกอยู่ในอันตรายอีก

เมื่อนึกถึงเขาที่ไว้ใจตัวเองมาก และอีกฝ่ายก็กำลังอุ้มลูก อินชิงเสวียนรู้สึกกังวลทันที

สีหน้าของนางเยือกเย็น มองดูฟางรั่วแล้วพูดว่า “ถ้าข้าไปตอนนี้ พวกเจ้าก็หยุดข้าไม่ได้ ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้ายังไม่เคยทำเรื่องชั่วมากนัก อยากจะช่วยเจ้าสักครั้ง ตกลงว่าจะยอมหรือไม่ รีบให้คำตอบข้ามาสักที”

เหตุผลที่อินชิงเสวียนต้องคำนึงถึงปัญหาต่างๆ อย่างรอบคอบ ย่อมเป็นเพราะว่านางมีความคิดที่ว่า ประการแรกสามารถทำให้อาซือหลานประมาทเลินเล่อ นอกจากนี้ นางอาจจะใช้หน้ากากของฟางรั่วเข้าใกล้เขาได้ และจับเขาได้ในคราวเดียว

ฟางรั่วกัดริมฝีปากอย่างแรง ในใจของนางยังคงหวาดกลัว หากอา‍ซือ‍หลานรู้ นางจะต้องตายแน่นอน

อินชิงเสวียนอ่านความคิดของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงพูดทันที “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าคิดหาข้อแก้ตัวให้เจ้าแล้ว หากอา‍ซือ‍หลานรู้ ให้บอกว่าข้าบังคับเจ้า ข้าสามารถทำให้สองคนนี้มอมยาเจ้าไปตลอดทาง พอกลับไปที่เจียงวูแล้วก็ทำให้เขามึนหัวอยู่ตลอด เขาก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า กู่หอมเมฆาไม่เป็นอันตราย”

ในที่สุดฟางรั่วไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ นางพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า”

อินชิงเสวียนมีความยินดี ปิดประตู แล้วสวมเสื้อผ้าของฟางรั่ว ถอดหน้ากากบนใบหน้าของนาง และสวมหน้ากากใบหน้าของฟางรั่ว

ฟางรั่วก็สวมหน้ากากใบหน้าของอินชิงเสวียน และยังติดหนวดบนใบหน้า ตอนที่นอนอยู่บนเตียงจะได้ดูสมจริง

เมื่อเห็นว่าฟางรั่วเต็มใจที่จะช่วยตัวเอง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คำว่าความรักนั้นเป็นอันตรายจริงๆ ถ้าได้พบคนที่ใจตรงกันเหมือนนางกับ‍จิ่ง‍อวี้ ก็รีบแต่งงานกันเร็วๆ ดีกว่า

เมื่อคิดถึงฮ่องเต้น้อย อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวล นางโปรยกู่หอมเมฆาออกไป แล้วฟางรั่วก็หมดสติไปทันที

หลังจากนั้นนางก็เปิดประตูออกจากห้อง เมื่อสองสาวเห็นนางออกมา ก็ถามอย่างเย็นชาว่า “นังบ้านั่นกินข้าวเสร็จแล้วหรือ”

อินชิงเสวียนแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดว่า “นางไม่กิน ข้าก็เลยทำให้นางสลบไปแล้ว”

ทั้งสองเข้าไปตรวจสอบในห้องทันที แล้วอินชิงเสวียนก็เรียกหนึ่งในนั้นให้หยุด

“เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้รับจดหมายลับจากนายท่าน ว่าไม่จำเป็นต้องทำให้อินชิงเสวียนตื่น ปล่อยให้นางหมดสติไปตลอดทางได้เลย นอกจากนี้ นายท่านยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องให้ข้าไปสะสาง ให้พวกเจ้าสองคนรับผิดชอบในการคุ้มกันอินชิงเสวียนกลับไป”

สตรีคนนั้นตกใจเล็กน้อย “ทำไมเราไม่ได้รับจดหมาย”

อินชิงเสวียนยกมือขึ้น มีกระดาษแผ่นหนึ่งแนบอยู่ระหว่างนิ้วของนาง

“นี่เป็นความลับ เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากดู”

สตรีคนนั้นลังเลและพูดว่า “เจ้าควรรีบไปรีบกลับจะดีกว่า ภารกิจของพวกเรานอกการไปส่งตัวอินชิงเสวียนแล้ว ยังต้องจับตาดูเจ้าด้วย”

“อีกสามวันเจอกันที่เมืองเป้ยเฉิง”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็ลงไปชั้นล่างโดยไม่หันกลับมามอง

เสี่ยวเอ้อร์กำลังให้อาหารม้าที่ประตู อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและถอดบังเหียนม้าออก

เสี่ยวเอ้อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แม่นาง เหมือนม้าตัวนี้จะไม่ใช่ของเจ้า”

“ข้าขอซื้อก็แล้วกัน”

อินชิงเสวียนหยิบตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อ ยัดใส่มือของเสี่ยวเอ้อร์ จากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังม้าและออกวิ่งไปทันที

“เจ้าไม่มีเจตนาแอบแฝงกับข้าจริงๆ หรือ”

ต่งจื่ออวี๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าเห็นว่าเจ้าหน้าตาดี จึงอยากมาดูหน้าสักหน่อย”

อินชิงเสวียนสัมผัสใบหน้าของนาง และก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้นางมีหน้าตาเหมือนฟางรั่ว จึงรู้สึกโล่งใจทันที

“ยังมีพี่น้องที่หน้าตาดีเหมือนข้าอีกแปดคน เจ้าไปหาดูที่เมืองเป้ยเฉิงได้”

ต่งจื่ออวี๋กล่าวว่า “เจ้าจะไปเมืองหลวงไม่ใช่หรือ พวกเราไปทางเดียวกันพอดี ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้”

“ไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการให้เจ้าปกป้อง”

อินชิงเสวียนกำลังรีบกลับไปเมืองหลวง ไม่มีอารมณ์จะพูดเรื่องไร้สาระกับเด็กโง่เขลาคนนี้

ทันใดนั้นนางก็ตีท้องม้า และเร่งม้าให้ไปโดยเร็ว

ต่งจื่ออวี๋ยังคงไล่ตามนางไม่เลิก ตะโกนตามหลังมา “ม้าของเจ้าวิ่งมาไกลแล้ว ถ้าขืนเจ้าวิ่งต่อไป จะทำให้มันตายนะ”

อินชิงเสวียนไม่สนใจ ยังคงวิ่งทะยานต่อไปอย่างบ้าคลั่ง แต่แล้วจู่ๆ ขาคู่หน้าของม้าก็งอและล้มลงกับพื้น

อินชิงเสวียนกระเด็นออกไปด้วยแรงเฉื่อยมหาศาล และล้มลงไปข้างหน้า

นางกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ตัวเองจินตนาการไว้

เมื่อก้มศีรษะลงดู ก็พบชายหนุ่มที่ชื่อต่งจื่ออวี๋หันหลังก้มรับนาง

พลางบ่นพึมพำ “อาจารย์บอกว่าผิดจริยาอย่าสัมผัส แต่ข้าไม่ได้แตะต้องเจ้านะ”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบตัวเอง อินชิงเสวียนก็เริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้น นางรีบปีนลงจากหลังของเขาเพื่อไปดูม้า ก็พบว่าม้ามีน้ำลายฟูมปากและตายไปแล้ว

“ไม่ได้ขี่มานานแล้ว ทำไมกันนะ”

ต่งจื่ออวี๋ลูบคางตัวเอง แล้วพูดว่า “ก่อนที่เจ้าจะขี่มัน มันก็ได้เดินทางมาไกลแล้ว ไม่สามารถวิ่งได้อีก”

อินชิงเสวียนทำหน้าตาสงสัย “รู้ได้อย่างไรว่ามันมาไกลมาก”

ต่งจื่ออวี๋ยิ้ม “เพราะนี่คือม้าของข้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์