สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 354

อินชิงเสวียนหยิบกระพรวนทองออกมาจากอ้อมแขน

รูปทรงของกระพรวนคล้ายกับกำไลข้อมือมาก สีทองเหลืองอร่าม และมีกระพรวนเล็กๆ ห้อยอยู่ที่วงแหวนรอบนอก รวมทั้งหมดสิบอัน เมื่อเขย่าเพียงเล็กน้อยก็จะเกิดเสียงดังกังวานชัดเจน

เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปรับ แต่ยังไม่ทันสัมผัสโดนพวงกระพรวน ในสมองก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง

เขาใช้มือกดที่หน้าผาก และเดินโซเซเล็กน้อย

อินชิงเสวียนรีบนำกระพรวนยัดเข้าไปในอกเหมือนเดิม พร้อมกับเอื้อมมือไปพยุงเย่จิ่งอวี้ไว้

“ในเมื่อฝ่าบาทไม่ชอบเสียงของมัน ก็อย่าฝืนเลยนะเพคะ”

ฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้ยืนมั่นคงแล้ว ความดื้อรั้นก็มาพร้อมด้วย

“ให้ข้าดูอีกครั้ง ข้าไม่เชื่อ แม้แต่สนามรบข้ายังไม่กลัว ข้าจะกลัวกระพรวนเล็กๆ นี่ได้อย่างไร”

อินชิงเสวียนจึงจำเป็นต้องหยิบออกมาอีกครั้ง เย่จิ่งอวี้รวบรวมสมาธิหยิบมันขึ้น ถือไว้ในมือและใช้แรงเขย่า

เสียงที่ไพเราะดังออกมาจากกระพรวน เย่จิ่งอวี้รู้สึกเจ็บที่หัวคิ้ว จากนั้นก็รู้สึกหน้ามืดและแทบล้มลงกับพื้น

“ฝ่าบาท!”

อินชิงเสวียนตกใจ และรีบโอบเอวของเขาไว้

“อย่าลองเลยนะเพคะ”

อินชิงเสวียนแย่งกระพรวนกลับมา และวางเข้าไปในอก

เย่จิ่งอวี้จับไหล่ของอินชิงเสวียน ใช้เวลาสักพักจึงจะฟื้นตัวขึ้น

ในใจกลับยิ่งรู้สึกประหลาด นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

ในระหว่างที่ครุ่นคิดก็ได้ยินเสียงคนพูดขึ้นที่ด้านหลัง “ท่านผู้อาวุโสเรียกใช้ผู้น้อยหรือไม่?”

เสียงนั้นเงียบสงัด อินชิงเสวียนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้า

ทว่านางจำเสียงของต่งจื่ออวี๋ได้ จึงรีบหยิบหน้ากากฟางรั่วขึ้นมาสวมใส่ลงบนใบหน้า

นางกระแอมไอ พร้อมหันตัวกลับมา

“เจ้าตามหาอาจารย์อาของเจ้าพบหรือยัง?”

ต่งจื่ออวี๋พูดด้วยความเคารพ “ยังขอรับ คิดว่าอาจารย์อาไม่ยอมให้ผู้น้อยหาเจอ จึงได้ปิดกั้นลมหายใจ กว่าผู้น้อยจะหาอาจารย์อาพบ เกรงว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหน่อย หากท่านผู้อาวุโสมีธุระสำคัญ ผู้น้อยจะใช้เวลาว่างช่วยท่านผู้อาวุโสจัดการเรื่องนี้”

เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาเช่นกัน ในระหว่างที่เขาปวดศีรษะ เขาก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้า และเขาไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มจะว่องไวได้ขนาดนี้

เมื่อมองดูหน้าตรงของเขา สีหน้าที่ดูสงบ ท่าทางที่ซื่อสัตย์ อีกทั้งการที่เขาเรียกอินชิงเสวียนว่าท่านผู้อาวุโสในทุกคำ เขาก็วางใจในทันที

พูดขึ้นเสียงเรียบว่า “ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้พวกเราจะจัดการเอง”

ต่งจื่ออวี๋ก็เหลือบมองไปที่เย่จิ่งอวี้

มื่อเห็นรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและท่าทางที่ไม่ธรรมดาของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ

“ท่านผู้นี้คือ...”

อินชิงเสวียนยังไม่ทันเปิดปากพูด เย่จิ่งอวี้ก็พูดว่า “ข้าคือสามีของท่านผู้อาวุโสของเจ้า”

ต่งจื่ออวี๋รีบทำความเคารพต่อเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเซ่อซ่า “ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสอีกท่าน ผู้น้อยล่วงเกินแล้ว”

จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านผู้อาวุโสเรียกแทนตัวเองเช่นนั้น ท่านผู้อาวุโสคือฝ่าบาทใช่หรือไม่?”

อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ถูกต้อง นี่คือโอรสแห่งสวรรค์ของแคว้นต้าโจวที่ยิ่งใหญ่”

ต่งจื่ออวี๋รีบโค้วคำนับอีกครั้ง และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ต่งจื่ออวี๋เจ้าสำนักสายกระบี่ขอถวายบังคมฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปพยุง

“ไม่ต้องมากพิธี เจ้าไม่ใช่คนที่นี่ ไม่จําเป็นต้องสนใจประเพณีเหล่านี้”

เขาหรี่สายตาคม จับจ้องสายตาไปทั่วตัวของต่งจื่ออวี๋

“กระพรวนนี่เป็นของเจ้างั้นหรือ?”

ต่งจื่ออวี๋พูด “พ่ะย่ะค่ะ นี่คือสิ่งของประจำสำนักของผู้น้อย”

สายตาคมของเย่จิ่งอวี้มีแสงส่องประกายผ่านมา

คาถาหายตัวของเขาว่องไวอย่างมาก เสียงของแขนเสื้อก็เบามากเช่นกัน หากเย่จิ่งอวี้หูตาไม่ว่องไวมากพอ คนปกติทั่วไปก็ไม่อาจพบเห็นได้

เมื่อคิดว่าวังกลายเป็นที่ที่ผู้คนสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

อินชิงเสวียนก็ไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เมื่อกี้มีคนนอกอยู่ด้วยจึงไม่ได้พูดอะไร

“ฝ่าบาทก็เห็นแล้วว่าคนคนนี้ฝีมือสูงส่งขนาดไหน หากให้เขาตามหาอาซือหลาน ไม่แน่ว่าไม่นานก็จะจับตัวเขาได้”

เย่จิ่งอวี้จับมือนางแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “สำนักในยุทธภพมีความซับซ้อนมาก ระหว่างสำนักยิ่งกว่าปากหวานก้นเปรี้ยว เขม่าควันปืนยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ในราชสำนักเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ข้าไม่อยากให้เรื่องของประเทศชาติไปเกี่ยวโยงกับสำนักต่างๆ หารที่ชายหนุ่มคนนี้มีกระพรวนทอง เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเขาไม่ธรรมดา หากมีสิ่งใดผิดพลาด มันจะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นอย่างแน่นอน แม้ว่าข้าจะไม่กลัวปัญหา แต่ถ้ามันส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ มันก็จะเป็นบาปผิดของข้า”

อินชิงเสวียนเม้มปากในทันที เย่จิ่งอวี้คิดไปไกลถึงขนาดนี้

เป็นเพราะนางประมาทไปเอง

นึกเพียงอยากจับตัวอาซือหลาน จึงไม่ได้นึกถึงความสัมพันธ์อันโหดร้ายในเรื่องนี้

“เป็นเพราะหม่อมฉันคิดน้อยเกินไป”

เย่จิ่งอวี้ใช้นิ้วดีดที่หน้าผากอันเรียบเนียนของนางเบาๆ หนึ่งที

“ข้ารู้ว่าเจ้าร้อนใจอยากแก้แค้น แต่ตราบใดที่อาซือหลานยังคงอยู่ในเมืองหลวงก็มีร่องรอยตามมา ข้าได้สั่งเจวี๋ยอิ่งให้ออกติดตามอาซือหลานแล้ว ผู้ที่แปลงโฉมมาองครักษ์เงาก็หาพบแล้ว เมื่อผ่านวันพรุ่งนี้ไป พวกเราก็จะเริ่มแผนการได้”

อินชิงเสวียนรู้ว่าเจวี๋ยอิ่งคือองครักษ์เงาติดตัวของเขา จึงพยักหน้ารับ

“แต่หวังว่าจะเจอตัวเขาโดยเร็ว อีกเรื่องก็คือพี่ใหญ่ของหม่อมฉัน ไม่รู้ว่าหากท่านพ่อกลับมาและรับรู้เรื่องนี้ ท่านพ่อจะตัดสินใจอย่างไร”

“เรื่องนี้ยังไม่ต้องร้อนใจไป หากดินปืนได้ผลดี พวกเราจะมีเบี้ยในการต่อรองกับพวกเขา ไม่แน่ว่าเราอาจจะไม่ต้องเสียทหารสักนาย ก็สามารถนำตัวพี่ใหญ่ของเจ้ามาได้”

อินชิงเสวียนไม่เคยเห็นเย่จิ่งอวี้มองโลกในแง่ดีเช่นนี้มาก่อน คนเจียงวูเจ้าเล่ห์อย่างมาก จะต้องชดใช้ด้วยบางสิ่งเป็นแน่

หากเจรจากันไม่เป็นผล ก็ต้องใช้ไม้แข็ง

เมื่อนึกถึงเหล่าประชาชนที่บริสุทธิ์ของเจียงวู อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจออกมาอย่างทำอะไรไม่ได้

เมื่อชาติมั่นคง ประชาชนก็ลำบาก เมื่อชาติล่มสลาย ประชาชนยิ่งลำบาก!

หวังว่าสงครามครั้งนี้จะจบลงในไม่ช้าและโลกจะสงบสุข!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์