“เหตุใดฝ่าบาทถึงมองหม่อมฉันเช่นนี้”
ดวงตากลมโตของอินชิงเสวียนเบิกกว้าง ฉายแววงุนงงเล็กน้อย
เย่จิ่งอวี้ตื่นจากห้วงภวังค์ทันที เขาหัวเราะเบาๆ “เสวียนเอ๋อร์ของข้าช่างงดงามเหลือเกิน”
อินชิงเสวียนทำเสียงชิชะ “หม่อมฉันกำลังถามฝ่าบาท ทำไมฝ่าบาทไม่ตอบ”
เย่จิ่งอวี้ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ช่วงนี้ข้ายุ่งมากน่ะ จึงมาที่นี่เพียงครั้งเดียว ที่เหลือข้าไปอาบน้ำที่ตำหนักเฉิงเทียน”
อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึอย่างไม่พอใจ
“สิ้นเปลืองทรัพยากรจริงๆ”
เมื่อมองดูใบหน้าเล็กๆ ที่กระเง้ากระงอดของนาง เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มอย่างรักใคร่
“อย่าโกรธเลย วันนี้ที่ข้าไปหาเจ้าก็เพราะมีข่าวดีจะบอก”
อินชิงเสวียนกลับเห็นพวงกระพรวนทองพวงนั้น
“เหตุใดกระพรวนนี้จึงอยู่ที่นี่ฝ่าบาท”
เย่จิ่งอวี้ห่อเก็บไว้ในผ้ากำมะหยี่อีกครั้ง แล้วดึงอินชิงเสวียนมาอยู่ข้างๆ เขา
พูดเสียงอ่อนโยนว่า “เสด็จอาทิ้งไว้ให้ข้าน่ะ เขาให้ข้าเอามาคืนเจ้า เขารู้ว่าข้าได้ยินเสียงนี้ไม่ได้ จึงห่อไว้ในผ้ากำมะหยี่หนาผืนนี้ ไม่ทราบว่าเสวียนเอ๋อร์ให้ข้ายืมสิ่งนี้ไปศึกษาสักหลายๆ วันได้หรือไม่”
“จิ้งอ๋องเป็นคนรอบคอบมาก ในเมื่อฝ่าบาทต้องการนำไปศึกษา เช่นนั้นก็เอาไปได้เลยเพคะ”
อินชิงเสวียนดึงมือของนางออก ในใจยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข่าวดีที่ฝ่าบาทตรัสคืออะไรหรือเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ดึงมือเรียวประหนึ่งไร้กระดูกข้างนั้นกลับคืน ใช้นิ้วลูบไล้เบาๆ ราวกับว่าเขากำลังเล่นกับสมบัติอันล้ำค่า
ริมฝีปากเขาประดับด้วยรอยยิ้มละไม พูดช้าๆ “พ่อของเสวียนเอ๋อร์กับพี่รองของเจ้ากลับมาแล้ว”
อินชิงเสวียนรู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจ
“จริงหรือเพคะ พวกเขา...กลับมาเมื่อไหร่”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้ ถ้าเสวียนเอ๋อร์ต้องการไปพบพวกเขา ข้าจะให้คนเตรียมรถม้าให้เดี๋ยวนี้”
“ไม่”
อินชิงเสวียนกัดริมฝีปาก
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว อย่ารบกวนพวกเขาดีกว่า”
จู่ๆ ก็ได้ทราบข่าวเช่นนี้ อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร
เย่จิ่งอวี้ส่ายศีรษะ
“เมื่อผู้อาวุโสมอบพิณให้กับเจ้า เขาย่อมมีเหตุผลของเขาเอง ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้ว เจ้าควรปกป้องมันให้ดี นี่คือความซื่อสัตย์ขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์”
อินชิงเสวียนหยิบชาสมุนไพรบนโต๊ะขึ้นมาดื่มอึกๆ รวดเดียวหมด แล้วพูดอย่างไม่ยินดี “ฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันไม่ต้องการปกป้องหรือ ท่านไม่รู้ว่าคนผู้นั้นแข็งแกร่งเพียงใด หม่อมฉันเกรงว่านางจะตามเข้ามาในวัง เข้ามาทำร้ายชีวิตผู้บริสุทธิ์”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและพูดว่า “ที่แท้เสวียนเอ๋อร์คิดเช่นนี้เอง เป็นข้าที่เข้าใจเจ้าผิด ข้ายินดีที่จะใช้เงินทองมากมายเชิญยอดฝีมือทั้งยุทธภพเข้าวังมาปกป้องเจ้า”
“อย่าดีกว่าเพคะ ฝ่าบาทตรัสเองไม่ใช่หรือว่าไม่อยากให้ชาวยุทธ์เข้ามาพัวพัน ตอนนี้หม่อมฉันคิดว่าฝ่าบาทพูดถูกแล้ว ตราบใดที่นางหาหม่อมฉันไม่พบ หม่อมฉันย่อมมีวิธี”
เมื่อนึกถึงมิติ อินชิงเสวียนก็รู้สึกผ่อนคลายอีกครั้ง
เมื่อเห็นสาวน้อยคลี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
“วิธีอะไรรึ”
อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึเบาๆ
“ไม่บอกท่านหรอก เรื่องของหม่อมฉันจะไปสำคัญเท่ากับผู้มีพระคุณของฝ่าบาทได้อย่างไร”
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมา และดึงเด็กสาวตัวน้อยใบหน้าบูดบึ้งเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ในใจของข้า ไม่มีใครสำคัญไปกว่าเสวียนเอ๋อร์!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...