สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 451

“นังสารเลว? ส่งเสียงร้องโหยหวน? นี่หมายความว่าอย่างไร”

อินชิงเสวียนถามอย่างไม่เข้าใจ

ซูฉ่ายเวยเม้มริมฝีปากพูดว่า “ก็หญิงแซ่สวีนั่นอย่างไร วันๆ ที่อยู่ในวังเย็นเอาแต่ร้องเพลงอยู่เช่นนั้น คงคิดว่าจะใช้วิธีนี้ดึงดูดฝ่าบาทล่ะสิ น่าเสียดายที่แม้ว่านางจะร้องเพลงจนคอแตก ฝ่าบาทก็ไม่แม้แต่จะมองดูนาง”

จิ๊ๆ หญิงแซ่สวีนี่ยังไม่เลิกคิดอกุศลสินะ

“นางเอาแต่ร้องเพลงในวังเย็นทั้งวันงั้นหรือ”

ซูฉ่ายเวยพูดด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน “ก็ใช่น่ะสิ ร้องเพลงตั้งแต่เช้าตรู่ถึงเที่ยงคืนทุกวัน หอฉงฮวาของข้าอยู่ใกล้กับวังเย็นมาก ถึงไม่อยากฟังก็ยังได้ยิน น่ารำคาญจริงๆ”

“นางก็ช่างหยัดยืนจริงๆ เสียงไม่แหบแห้งไปหมดแล้วหรือ”

อินชิงเสวียนถามด้วยสีหน้าพูดไม่ออก

“ถ้าเสียงไม่แหบมาก นางก็ร้องเพลงต่อ ถ้าเสียงแหบหนักเข้า นางก็หยุดพักหนึ่งวัน น่าเสียดาย ประตูวังเย็นลงสลักไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นข้าอยากจะวางยาพิษให้นางเป็นใบ้ให้รู้แล้วรู้รอดไปจริงๆ”

ในช่วงนี้ ซูฉ่ายเวยต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนัก พอพูดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเกลียดสวีจือย่วนจนทนไม่ไหว

“นางแค่เพิ่งมีความคิดเช่นนี้ พอนางอยู่ในวังเย็นไปอีกสามเดือน ก็จะสิ้นหวังไปเอง ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรอีก”

เช่นเดียวกับเจ้าของร่างเดิมที่คิดว่าความโศกเศร้าเสียใจใดก็ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าจิตใจที่ด้านชา ซึ่งอินชิงเสวียนเข้าใจเป็นอย่างดี

ซูฉ่ายเวยพยักหน้าอย่างฝืนใจเต็มทน แค่คิดว่าต้องอดทนไปอีกสองเดือน ใบหน้าก็เปลี่ยนสีเป็นขุ่นเขียวทันที

อินชิงเสวียนแลกที่อุดหูสองอันให้นาง

“เอาสิ่งนี้ใส่ไว้ในหู แล้วเสียงที่ได้ยินจะเบาลงได้บ้าง คืนนี้เจ้าก็กลับไปลองดูสิ”

ซูฉ่ายเวยรับที่อุดหู แล้วลองสอดเข้าไปในใบหู ซึ่งเสียงข้างนอกก็เงียบลงจริงๆ จึงมองด้วยสีหน้าขอบคุณ

“คราวนี้รอดพ้นเสียที ขอบคุณกุ้ยเฟยมากเพคะ”

อินชิงเสวียนยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย พูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจ ทางเจ้ายังขาดสินค้าอะไรหรือไม่ ประเดี๋ยวจะเอาไปเพิ่มให้เจ้า”

ซูฉ่ายเวยหยิบรายการที่ตัวเองจดไว้ออกมาทันที แล้วอินชิงเสวียนก็ไปเตรียมของบางส่วนให้นาง หลังจากที่ซูฉ่ายเวยรับของเหล่านั้น นางก็จากไปอย่างมีความสุข

ขณะที่นางกำลังออกไป เกี้ยวพระที่นั่งมังกรของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็มาถึงที่ประตูตำหนัก

ซูฉ่ายเวยไม่เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ หลังจากทำความเคารพแล้ว นางก็พาเซียงหลานออกไป

“เหตุใดเสวียน‍เอ๋อร์ถึงคิดค้นอาหารอร่อยๆ เช่นนี้ขึ้นมาได้”

“หม่อมฉันไม่เหมือนฝ่าบาท ที่มีกิจการบ้านเมืองรัดตัว วันทั้งวันก็อยู่ว่างไม่มีอะไรทำ จึงคิดถึงแต่เรื่องอาหารการกิน”

อินชิงเสวียนพูดอย่างถ่อมตัว อันที่จริงหม้อไฟเป็นอาหารโปรดของนางมาโดยตลอด

แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อก่อนหน้านี้อากาศร้อนมาก จึงไม่เหมาะที่จะทำกิน ตอนนี้อากาศในฤดูใบไม้ร่วงสดชื่น เหมาะที่จะกินอาหารร้อนๆ แบบนี้

เย่‍จิ่ง‍อวี้ส่ายศีรษะ เรียวตาหงส์เหลือบมองอินชิงเสวียนด้วยแววตาลึกล้ำ

“เสวียน‍เอ๋อร์ของข้าจะเป็นแค่นักกินได้อย่างไร ตำราที่เจ้าเตรียมเหล่านั้น ก็เพื่อนักเรียนทั่วแผ่นดินกระมัง”

อยู่ๆ ก็ถูกอ่านความคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง อินชิงเสวียนรู้สึกว่าหัวใจร้อนผ่าว และทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนได้พบคนรู้ใจ

เย่‍จิ่ง‍อวี้เป็นคนที่เข้าใจนางจริงๆ!

นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“เป็นเช่นนั้นจริงเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์