ณ วังหลวง
อินชิงเสวียนกล่อมเสี่ยวหนานเฟิงจนนอนหลับไป แล้วให้ยายหลี่พาเขาไปนอนที่ห้องโถงด้านข้าง
ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามาจากประตู
อินชิงเสวียนรีบดึงเสื้อลงทันที
ถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมฝ่าบาทถึงมาที่นี่อีกเพคะ”
เย่จิ่งอวี้เดินช้าๆ ไปที่เตียง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไม เจ้าโกรธหรือ”
เมื่อคืนเย่จิ่งอวี้มีงานต้องทำ เขาจึงนอนในห้องหนังสือ หลังจากวันนี้สะสางงานเสร็จ เขาก็รีบขึ้นเกี้ยวมาหาภรรยาสุดที่รักที่ตำหนักจินหวู
อินชิงเสวียนพูดอย่างงอนๆ “ฝ่าบาทเห็นหม่อมฉันเป็นคนขี้ใจน้อยหรือเพคะ ในฐานะกษัตริย์ควรให้ความสำคัญกับกิจการบ้านเมืองเป็นสำคัญ จะเล่นสนุกทุกวันได้อย่างไร”
“ข้าเล่นสนุกทุกวันที่ไหน ข้ากับเสวียนเอ๋อร์เล่นรักกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง”
เมื่อมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงสีหน้าน้อยใจ อินชิงเสวียนก็เม้มริมฝีปากอย่างอดไม่ได้
“ในฐานะกษัตริย์ยิ่งไม่ควรหมกมุ่นเรื่องราคะ เพื่อจะได้มีจิตใจผ่องใสอยู่เสมอ”
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไป รั้งร่างอันงดงามขึ้นมานั่งบนตัก หลุบตาลงแล้วถามว่า “หรือว่าเสวียนเอ๋อร์ติดเชื้อจากเหล่าบัณฑิตเฒ่าในสำนักศึกษาหลวงมาแล้ว? ทำไมพอเอ่ยปาก ถึงได้พูดแต่เรื่องชวนเหม็นเปรี้ยวเหล่านั้น”
“ที่ไหนเพคะ หม่อมฉันแค่พูดความจริง”
อินชิงเสวียนพยายามดิ้นรนครู่หนึ่ง แต่ถูกวงแขนอันแข็งแกร่งของเย่จิ่งอวี้รัดไว้แน่น
“ข้าไม่ชอบฟังเรื่องนี้”
ลมหายใจอันอบอุ่นเป่ารดลำคอของอินชิงเสวียน ทำให้อินชิงเสวียนใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ฝ่าบาทชอบฟังอะ...”
ยังไม่ทันที่นางจะถามจบ ริมฝีปากบางของเย่จิ่งอวี้ก็ทาบทับลงมา
กลิ่นอายของบุรุษเพศได้เคลือบคลุมประสาทสัมผัสทั้งหมดของอินชิงเสวียนในทันที คำพูดที่ไม่ได้พูดออกมาก็ถูกกลืนกลับคอของนาง กลายเป็นเสียงครางแสนเย้ายวน
เย่จิ่งอวี้ช้อนร่างของนางขึ้น แล้วกดลงบนเก้าอี้ตัวยาว
พูดข้างหูของนาง “ข้าหวังว่าจ้าวเอ๋อร์จะโตเร็วๆ ข้าจะได้เดินทางท่องยุทธภพกับเจ้า ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขปลอดความกังวลใจ”
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากต่งจื่ออวี๋ ศิษย์หลานของลิ่นเซียว
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนหันกลับมา ต่งจื่ออวี๋ก็ก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับ
“จื่ออวี๋น้อมคำนับผู้อาวุโส จื่ออวี๋มีบางอย่างจะพูดกับผู้อาวุโส”
อินชิงเสวียนประกบมือคำนับบรรดาใต้เท้าทันที
“นี่สหายเก่า ข้าน้อยจะรีบไปรีบกลับ”
อินชิงเสวียนมาที่ประตูแล้วถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใดหรือ”
“ข้าจะตามหาผู้อาวุโสไม่ใช่เรื่องยาก แต่เรื่องที่ข้ามาหาผู้อาวุโสนั้น ยากที่จะเอ่ยปาก”
ต่งจื่ออวี๋เกาหัวท่าทางเขินอาย
อินชิงเสวียนมองเขาแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น เจ้าบอกข้ามาเถอะ”
ต่งจื่ออวี๋หน้าแดงและพูดว่า “กระพรวนทองพวงนั้น อาจารย์ของข้าอยากขอยืมกลับไปใช้...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...