แต่ไม่ว่าจูอวี้เหยียนจะเกลียดนางมากเพียงใด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ตำแหน่งใหญ่กว่าหนึ่งขั้นยังฆ่าคนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอินชิงเสวียนอยู่ในฐานะที่สูงกว่านางหลายขั้น ในเมื่อเลือกที่จะเข้าวัง ก็ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
“ได้ ข้าจะไปกับพวกเจ้า หากพวกเจ้ากล้าใช้เครื่องมือทรมาน ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทอย่างดีเชียว”
เสี่ยวอานจื่อขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจนาง แล้วจึงพาองครักษ์กลับไปรายงาน
จูอวี้เหยียนตามมาข้างหลัง คิดในใจว่าถ้าอินชิงเสวียนทรมานนางอีก นางจะทำอย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจูอวี้เหยียนจะคิดมากเกินไป อินชิงเสวียนให้หมัวมัวเฒ่ามาสอนกฎเกณฑ์และมารยาทในวังให้นางจริง
ส่วนตัวเองกลับนั่งอยู่ข้างๆ กินองุ่น มองดูพวกนางอย่างสบายใจ
จูอวี้เหยียนเกลียดนางแทบตาย แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ทำได้เพียงปฏิบัติตามหมัวมัวเฒ่าที่สอนว่าจะเดินอย่างไร สอนว่าต้องถวายพระพรเจ้านายแต่ละตำหนักอย่างไร ทำซ้ำๆ อยู่เช่นนั้น
ชั่วพริบตาท้องฟ้าก็มืดลง อินชิงเสวียนเรียกเสี่ยวอานจื่อเข้ามา
“คืนนี้ทำเนื้อย่างเสียบไม้กันเถอะ ให้พวกเจ้าได้กินด้วย”
“ขอบพระทัยพระสนม”
เสี่ยวอานจื่อดีใจมาก วิ่งออกไปอย่างยินดีปรีดา
อินชิงเสวียนยิ้ม และเอนกายบนเก้าอี้ตัวยาวอีกครั้ง
ตรงกลางห้อง จูอวี้เหยียนยังคงเรียนรู้มารยาท ต้องอดทนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะระเบิด
อินชิงเสวียนกลับยังคงอดทน ท่าทางไม่รีบร้อน
ในความเป็นจริงนางไม่สงบเท่าที่แสดงสีหน้าออกมา ไม่เพียงแต่กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่ทางด้านเย่จั้น ยังกลัวว่าแผนของนางจะไม่ได้ผล กลับกลายเป็นอันตรายต่อเย่จิ่งอวี้แทน
นางไม่กล้ากดดันจูอวี้เหยียนมากเกินไป เพราะกลัวว่านางจะเป็นเช่นหมาที่จนตรอก ยอมให้พังพินาศพร้อมกับนางหมด
แต่สำหรับจูอวี้เหยียน การทรมานแบบนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกทุบตีเสียอีก นางอยากจะระเบิดโทสะหลายครั้ง แต่นางก็สะกดกลั้นอารมณ์ไว้
หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นก็โชยกรุ่นมาจากเรือน จูอวี้เหยียนทนไม่ไหวจึงพูดว่า “ถึงเวลารบประทานอาหารแล้ว พระสนมยังต้องการให้หม่อมฉันฝึกอีกนานแค่ไหน”
“แน่นอนว่าต้องฝึกจนกว่าข้าจะพอใจ”
นางเดินลงจากเก้าอี้ตัวยาว ตรงเข้ามาหาจูอวี้เหยียน
“จูอวี้เหยียน ทางที่ดีเจ้าจงเลิกคิดตุกติกเถอะ คืนนี้ไม่มีใครคอยหนุนหลังเจ้า ถ้าเกิดข้าไม่ระวังทำเจ้าตาย เจ้าก็เป็นแค่สาวใช้ที่ตาย เจ้าควรรู้ไว้ด้วย ว่าในวังหลังยังมีนายหญิงที่ไม่ได้รับการอวยยศอีกเท่าไหร่ ขาดเจ้าไปสักคนหรือมีเจ้าเพิ่มอีกคนก็ไม่ต่างกัน”
“เจ้าขู่ข้า?”
อินชิงเสวียนพยักหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“เข้าใจเช่นนั้นก็ได้”
แน่นอนว่ายังมีปัญหาเรื่องระยะห่างด้วย อินชิงเสวียนไม่มีทางปล่อยให้นางกัดมือตัวเองได้
ดวงตาของจูอวี้เหยียนแดงก่ำด้วยความโกรธ สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับกับซีดขาว
อินชิงเสวียนกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวยาว
“มีประโยคหนึ่งที่บอกว่าอะไรนะ อ้อ จริงสิ ข้าชอบที่เจ้าไม่ชอบหน้าข้า แต่ทำอะไรข้าไม่ได้ จูอวี้เหยียน จงยอมรับชะตากรรมซะ”
นางเอนตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวอย่างสบายอารมณ์ แล้วพูดกับจังหมัวมัวว่า “สอนนางต่อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...