สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 575

อินชิงเสวียนตกใจ ทันใดนั้นเองนางก็เหาะถอยหลังกลับไปหลายก้าว

นางไม่ได้ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวใดๆ และไม่ได้ใช้ความเร็วของมิติ แต่ยังสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก ซึ่งการค้นพบนี้ทำให้อินชิงเสวียนตกใจ

เย่‍จิ่ง‍อวี้รู้สึกตัวในทันที เก็บฝ่ามือทันใด

“เสวียน‍เอ๋อร์!”

อินชิงเสวียนลงจอดที่พื้น รู้สึกประหลาดใจ

หรือว่าภายในมิติของนาง นางจะมีอำนาจสามารถควบคุมทุกสิ่งได้?

ถ้าเป็นเช่นนั้น นางก็ไร้คู่ต่อสู้น่ะสิ?

เนื่องจากเย่‍จิ่ง‍อวี้อยู่ด้วย อินชิงเสวียนจึงไม่สะดวกที่จะทดลอง นางจึงระงับความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อน

“ฝ่าบาทเป็นอะไรรึ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ลุกขึ้นยืน

เขาถามด้วยความเป็นห่วง “เสวียน‍เอ๋อร์ไม่เป็นไรนะ”

อินชิงเสวียนยืนมั่นคง ตรวจดูเย่‍จิ่ง‍อวี้แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ฝ่าบาทเป็นอะไรไปเพคะ”

คิ้วรูปทรงกระบี่ของเย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดมุ่น

“ดูเหมือนข้าจะได้เจอเสด็จแม่แล้ว การตายของเสด็จแม่ อาจมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง”

“โอ้? หรือท่านมองเห็นฆาตกรคนอื่น”

อินชิงเสวียนถามอย่างพิศวงงงงวย

เย่‍จิ่ง‍อวี้เดินไปหาอินชิงเสวียน จับมือของนาง และนั่งบนแท่นหินข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ

“ในมโนภาพข้ามองเห็นคนชราผู้หนึ่ง พูดให้ถูกคือ ข้าได้ยินเสียงของเขา เขาต้องการแต่จะฆ่าข้า เป็นเสด็จแม่ที่ร้องไห้อ้อนวอนขอร้องแทนข้า ข้าสงสัย ว่าเขาอาจเป็นฆาตกรที่ฆ่าเสด็จแม่ นางกำนัลฮวาเชียนน่าจะเป็นแพะรับบาป”

“แล้วฝ่าบาทก็เห็นรูปร่างหน้าตาของคนนั้นแล้วหรือ”

“ไม่เห็น ข้าได้ยินแต่เสียงของเขาเท่านั้น เสียงนั้นเข้มงวดดุดันมาก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้ว คล้ายกับว่ากำลังนึกถึงมโนภาพเมื่อครู่นี้

“หรือว่า...จะเกี่ยวข้องกับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์?”

อินชิงเสวียนคิดถึงตราหยกนั่นอีกครั้ง

เย่‍จิ่ง‍อวี้เข้าใจความคิดของนางทันที

“ก็อาจเป็นไปได้ ดูเหมือนว่าการค้นหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จะเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง บังเอิญเสด็จอาก็ต้องการตามหาสถานที่นี้เช่นกัน งั้นข้าจะให้เขาไปที่เป่ยไห่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”

“อืม”

อินชิงเสวียนยังต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในเป่ยไห่ จำเป็นต้องสืบค้นดูจริงๆ นอกจากนี้ จู่ๆ ท่านอาหญิงของนางก็หายตัวไปเพราะนางสามารถดีดพิณการเวกได้ ใครจะรู้ว่าคนประหลาดเหล่านั้นจะมาตามหาคัวเองอีกคนหรือไม่

แม้ว่าสตรีคนนั้นจะพูดก่อนจากไปว่าจะไม่กลับมาอีก แต่คนจะพูดอะไรก็ได้ จะมาหรือไม่ ใช่ว่าตัวนางจะตัดสินใจอะไรได้

นับตั้งแต่ข้ามมิติมา เกิดเรื่องน้อยใหญ่ไม่ว่างเว้น อินชิงเสวียนก็เริ่มเหนื่อยแล้ว ตอนนี้เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเติบโตขึ้นทุกวัน นางแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุขกับลูกชาย และเพลิดเพลินไปกับความมั่งคั่งและความสูงศักดิ์ของกุ้ยเฟย

เย่‍จิ่ง‍อวี้ปลุกสติให้แช่มชื่นขึ้น กางแขนไปโอบกอดร่างเล็กของอินชิงเสวียน

“ข้าเชื่อว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะกระจ่างขึ้น เราคิดมาไปก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อเข้ามาแล้ว เจ้าก็พาข้าไปเดินชมมิติแสนวิเศษของเสวียน‍เอ๋อร์นะ!”

“ได้เลย!”

อินชิงเสวียนเอียงคอยิ้ม แววตาสดใสประดุจเด็กสาวผู้น่ารัก

เย่‍จิ่ง‍อวี้อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ข้าชอบเสวียน‍เอ๋อร์อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ มีชีวิตชีวามากกว่าในวังมาก”

อินชิงเสวียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ก็หม่อมฉันเป็นกุ้ยเฟยของฝ่าบาท ถ้าขืนเป็นแบบนี้ที่ภายนอก คงถูกคนดูถูกเอา เหล่าบรรดาขุนนางยิ่งวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ ว่าฝ่าบาทแต่งตั้งกุ้นเฟยที่ไม่ได้รับการอบรม”

เย่‍จิ่ง‍อวี้บีบมือน้อยอันบอบบางของนางเบาๆ

“ที่นี่คือที่ใด คราวที่แล้วข้าพยายามเข้าไป แต่ถูกม่านแสงที่มองไม่เห็นดันออกมา”

“เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ บางทีมันอาจจะไม่ยอมรับว่าฝ่าบาทเป็นเจ้านาย จึงเข้าไปไม่ได้ แต่วันนี้ลองเข้าไปดู ว่าฝ่าบาทจะสามารถเข้าไปพร้อมกับหม่อมฉันสนมได้หรือไม่”

อินชิงเสวียนดึงเย่‍จิ่ง‍อวี้ไปที่ประตูร้านค้าคะแนนสะสม คราวนี้ไม่มีสิ่งกีดขวาง เขาสามารถเดินเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเห็นผลิตภัณฑ์มากมายที่ส่องประกายแวววาว เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ

ของที่อยู่ในนี้ เขาไม่รู้จักเลยสักอย่าง ท่าทางเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ที่มองซ้ายทีขวาที

คิดไม่ถึงว่าอินชิงเสวียนจะมีของวิเศษเช่นนี้ ซึ่งนี่มันไม่ต่างจากเทพเซียนเลย

อินชิงเสวียนแนะนำของกินสั้นๆ เมื่อเห็นว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้สนใจ นางก็แลกมาให้เขาลิ้มลอง

นอกจากนี้ยังบอกเย่‍จิ่ง‍อวี้ด้วยว่า คะแนนสะสมจะได้จากการปลูกพืช และจำนวนไม่มาก

เย่‍จิ่ง‍อวี้รีบห้ามอินชิงเสวียนทันที บอกนางว่าอย่าเปลืองคะแนนอีกเลย เก็บไว้แลกเป็นเมล็ดธัญพืช จะคุ้มค่ากว่า สิ่งที่กินลงไปก็เป็นเพียงสิ่งที่ผ่านลำไส้ และสุดท้ายก็กลายเป็นแม่ทัพหัวเหลือง ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่‍จิ่ง‍อวี้ อินชิงเสวียนก็อดหัวเราะไม่ได้

สมแล้วที่เป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน คำอุปมาที่ว่าแม่ทัพหัวเหลือง ยังใช้ถ้อยคำที่สง่างาม

เมื่อเห็นสาวน้อยตัวสั่นจากการหัวเราะ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ไอแห้งๆ อย่างอดไม่ได้

“ข้าพูดผิดหรือ”

“ไม่เพคะ หม่อมฉันเพิ่งเคยได้ยินคำพูดเช่นนี้ ก็เลยรู้สึกสนใจ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

“เรื่องพรรค์นี้มีอะไรน่าสนใจ ไม่คุยแล้วดีกว่า”

แล้วทั้งสองก็หันหลังและออกจากมิติ ทันทีที่กลับถึงห้องนอน ก็ได้ยินเสียงคนรายงานที่ประตู

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องสำคัญจะรายงาน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์