สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 579

กวนเซี่ยวไม่นึกว่าท่านปู่ที่รักเขามาโดยตลอด จะลงมือกับเขาได้ เขาถูกตบกระเด็นออกไปหลายก้าว

แต่กระนั้นผู้เฒ่ากวนยังไม่หายโกรธ เขาถลาเข้า เงื้อมือขึ้นตบอีกครั้ง

รองอาจารย์ใหญ่ที่เคยเป็นแม่ทัพขุนนางอาวุโส มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้เฒ่ากวน เมื่อเขาเห็นชายชราบ้าคลั่งทุบตีหลานชาย เขาก็รีบพาคนเข้ามารั้งตัวกวนฮั่นหลินไว้

“เหล่ากวน เจ้าก็แก่แล้ว เหตุใดถึงยังอารมณ์ร้ายอยู่ มีหลานชายเชื่อฟังอย่างเซี่ยวเอ๋อร์ เจ้ายังไม่พอใจอะไรอีก”

ผู้เฒ่ากวนโกรธจัด ดึงมือรองอาจารย์ใหญ่ออก แล้วพุ่งเข้าไปทุบตีเขาอีก

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะโกรธจัดเพียงนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าเจียงวูและต้าโจวสู้รบอย่างดุเดือดมานาน กวนเซี่ยวกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไร ถึงได้กล้ามีความรักกับนาง

ถ้าถอยออกมาอีกก้าว แม้ว่าสตรีคนนั้นจะไม่ได้มาจากเจียงวู แต่นางก็ได้เข้าวังแล้ว ไม่ว่าฝ่าบาทจะชอบหรือไม่ นางก็เป็นผู้หญิงของฮ่องเต้ เจ้าเด็กบ้านี่ดันบอกว่าจะไปขอคนจากเขา นี่มันเสียหน้าตระกูลกวนไปกันใหญ่แล้ว

ผู้เฒ่ากวนทำงานโปร่งใสเปิดเผยบริสุทธิ์มาตลอดชีวิต เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ โทสะของเขาแทบจะระเบิดออกมา แทบอยากจะทุบตีกวนเซี่ยวให้ตายไปตรงนี้เลย จะได้ไม่อับอายขายขี้หน้าใครๆ

เมื่อเห็นว่าชายชราโกรธมาก เจ้าหน้าที่สองคนก็ก้าวไปหยุดเขา

“ท่านผู้เฒ่าใจเย็นก่อน เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ”

“ก็ใช่น่ะสิ พวกเจ้าก็เป็นปู่หลานกัน ไยจึงโกรธกันถึงเพียงนี้”

รองอาจารย์ใหญ่รู้ว่าผู้เฒ่ากวนอารมณ์ไม่ดี เขาจึงรีบขยิบตาให้กวนเซี่ยว

“กวนเซี่ยวเอ๋ย เจ้าพูดดีๆ กับปู่ของเจ้าเร็วเข้า ทำให้เขาใจเย็นลง”

กวนเซี่ยวลุกขึ้นจากพื้นแล้วคุกเข่าลงอีกครั้ง แต่ใบหน้ากลับไม่มีความเสียใจ เขายังคงพูดเสียงดัง “ขอให้ท่านปู่โปรดเห็นชอบด้วย!”

ผู้เฒ่ากวนยิ่งโกรธมากขึ้น ลูกชายทุกคนของเขาล้วนแต่เป็นผู้ภักดีและกล้าหาญ ไฉนจึงให้กำเนิดลูกเวนชรเช่นนี้

เมื่อเห็นกวนเซี่ยวยังยืนกราน ไม่พูดจาอ่อนข้อให้แต่อย่างใด เขาก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น เตะเจ้าหน้าที่ที่กอดเขาออกไป แล้วซัดฝ่ามือใส่อกของกวนเซี่ยวเข้าอย่างจัง

กวนเซี่ยวไม่หลบ เขาถูกซัดฝ่ามือใส่จนกระเด็นไปไกลทันที รู้สึกว่าทรวงอกปั่นป่วน เขาอ้าปากถ่มเลือดออกมาเต็มคำ

เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่ากวนโกรธมากจริงๆ รองอาจารย์ใหญ่ก็รีบไปขวางหน้าเขา ตะโกนเสียงดัง “กวนเซี่ยว เจ้ายังไม่รีบหนีอีกรึ รอให้ปู่ของเจ้าใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยมายอมรับความผิด”

กวนเซี่ยวก็ถูกพิษร้อนโจมตีหัวใจ หลังจากถูกซัดฝ่ามือใส่ เขาก็หน้ามืดตาลาย แล้วเป็นลมไป

รองอาจารย์ใหญ่ตกใจ รีบให้คนหามกวนเซี่ยวไปหาหมอ

ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนในโรงเรียนสอนการต่อสู้ต่างก็ยืดชูคออย่างอยากรู้อยากเห็น เกิดเหตุการณ์วุ่นวายอยู่พักหนึ่ง

ในเวลาเดียวกัน อินชิงเสวียนก็กลับมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว

คนเฝ้าประตูรีบเข้าไปรายงาน หลังจากนั้นไม่นาน อินจ้งกับอินปู้อวี่ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งเดินออกไปพร้อมกัน

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน ทั้งคู่โค้งคำนับพร้อมกัน

“ถวายพระพรกุ้ยเฟย”

อินชิงเสวียนรีบไปช่วยประคองทั้งสองคนขึ้น มองอินจ้งแล้วถามว่า “ท่านพ่อกับพี่รองไม่ต้องมากพิธี ช่วงนี้ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง”

อินจ้งยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

“เรียบร้อยดี เรียบร้อย รีบเข้ามาเร็ว ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว ประเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

อินชิงเสวียนพยักหน้า แล้วเดินตามสองพ่อลูกเข้าไปในจวนแม่ทัพ

อินปู้อวี่ยังคงยิ้มแย้มมีความสุข เขาถามด้วยรอยยิ้ม “น้องหญิงใหญ่ ทำไมไม่พาจ้าวเอ๋อร์มาด้วยล่ะ ข้าคิดถึงเขา”

อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่ข้ากลับมาคราวนี้ เพราะข้ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับท่าน ท่านพ่อ และพี่ใหญ่ จึงไม่ได้พาจ้าวเอ๋อร์มาด้วย”

ทันทีที่พูดจบ ก็เห็นจูอวี้เหยียนที่กำลังอาบแดดนั่งอยู่ในสวน นางเปลี่ยนมาสวมชุดผ้าแพรไหม เกล้าผมเป็นมวยงาม สวมประดับเงินประดับทอง ทำให้ดูร่ำรวยขึ้น

เมื่อสายตาทั้งสองคู่สบกัน ความเกลียดชังที่รุนแรงก็ระเบิดออกมาในดวงตาของจูอวี้เหยียน แต่เพียงชั่วครู่ก็หายไป

ก่อนที่อินชิงเสวียนจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงห้าวลึกพูดว่า “น้องหญิงใหญ่ไม่ต้องห่วง ข้าก็จะไป”

อินสิงอวิ๋นผู้สวมชุดคลุมสีน้ำเงินควันเดินเข้ามาจากประตู มัดมวยผมสูง หน้าตาหล่อเหลา เสื้อคลุมที่พอดีตัวทำให้เห็นไหล่กว้างและขายาวโดดเด่น รูปร่างสูงโปร่ง ด้วยรูปลักษณ์นี้จึงจัดว่าเป็นบุรุษที่หายากและหล่อเหลาจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่สวีจือย่วนถึงตกหลุมรักอย่างเอาเป็นเอาตาย

แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทางของอินสิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ฟื้นความทรงจำเลย เขาคือผู้ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าของร่างเดิมมากที่สุด ถ้าเขาจำได้ เขาคงจะไม่ทำหน้าตาแปลกแยกขนาดนี้

“เช่นนั้นก็ขอบคุณพี่ใหญ่แล้ว”

อินชิงเสวียนยืนขึ้นและประกบมือคารวะ

“คนเหล่านี้มีทักษะวรยุทธ์แปลกๆ ท่านและพี่รองจะต้องระวังตัว ศึกนี้ฝ่าบาทและจิ้งอ๋องก็จะเข้าร่วมด้วย หวังว่าพวกท่านจะประสบความสำเร็จโดยเร็ว”

อินสิงอวิ๋นทำความเคารพกลับ

“น้องหญิงใหญ่ไม่ต้องห่วง”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“เจ้าค่ะ ส่วนจะลงมือเมื่อใดนั้น ทางวังหลวงจะส่งคนมาแจ้งให้พวกท่านทราบ”

อินสิงอวิ๋นนั่งลงข้างๆ

“ดี”

จากนั้นเขาก็พูดอย่างเรียบๆ “ข้าอยากจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกสักพัก หวังว่าท่านพ่อจะเห็นชอบด้วย”

ท่าทางของอินจ้งเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามทันควัน “ทำไม หรือคนในบ้านไม่ดีต่อเจ้า”

อินสิงอวิ๋นพูดอย่างใจเย็น “มิใช่ ข้าแค่อยากออกไปใช้ชีวิตคนเดียวสักพัก”

เมื่อเห็นท่าทางที่เข้ากันไม่ได้ของอินสิงอวิ๋น อินชิงเสวียนก็ลังเลครู่หนึ่ง พูดว่า “ในเมื่อพี่ใหญ่ต้องการออกไป ก็ให้เขาไปอยู่อย่างสงบๆ คนเดียวเถิดเจ้าค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์