สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 611

สีหน้าของเฟิงเอ้อร์เหนียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย คลี่ยิ้มทันทีและพูดว่า “มีป้ายตราคำสั่งหรือไม่”

อาซือหลานหยิบป้ายหยกดำออกมาจากมือ เฟิงเอ้อร์เหนียงมองดูแวบหนึ่ง นางอดแปลกใจเสียมิได้ คนผู้นี้อายุน้อยขนาดนี้ แต่เป็นถึงผู้อาวุโสเชียวรึ

“มากับข้าสิ”

เมื่อมาถึงเรือนหลัง เฟิงเอ้อร์เหนียงพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าหอฮวาเย่ว์ของเราจะรับใช้สำนักเซียวเหยา แต่ร้านก็มีกฎของร้าน เชื่อว่าคุณชายท่านนี้คงทราบดีกระมัง”

อาซือหลานหยิบก้อนทองหยวนเป่าขนาดเท่าฝ่ามือออกมา แล้วโยนให้เฟิงเอ้อร์เหนียง

“ไม่ต้องพูดมาก ข้าค่อนข้างรีบ”

เฟิงเอ้อร์เหนียงรับก้อนทองหยวนเป่าไว้ เหลือบมองเบาๆ แล้วพูดกับอาซือหลาน “หวังว่าคุณชายจะมีเมตตาต่อสาวๆ เรา”

นางชี้ไปที่ประตูห้องที่ดีที่สุด อาซือหลานแทบรอไม่ไหวที่จะเดินเข้าไป

เจ้าเด็กเปรตเย่จิ่งหลานจู่ๆ ก็หายตัวไป ช่างน่าแปลกมากจริงๆ อาซือหลานไม่แน่ใจว่าเขาได้ออกจากระเบียงแล้วหรือยัง

ไม่ว่าเจ้าเด็กเปรตนั่นจะหนีไปแล้วหรือไม่ก็ตาม การต่อสู้อันดุเดือดก็รออยู่ข้างหน้า

หากอินสิงอวิ๋นรู้ว่าตัวเองจับตัวเป่าเล่อเอ่อร์ไว้ เขาต้องลงมือแน่นอน รวมไปถึงเย่จิ่งอวี้ เย่จั้น และองครักษ์เงามากมายในวังหลวง หากไม่อาจเพิ่มพูนกำลังภายในโดยเร็วที่สุด ศึกคราวนี้จะต้องพ่ายแพ้ยับเยินอย่างแน่นอน

หอฮวาเย่ว์อยู่ภายใต้สังกัดของสำนักเซียวเหยา ซึ่งเฟิงเอ้อร์เหนียงผู้นี้ก็เป็นคนของหอฮวาเย่ว์ เด็กสาวที่พวกเขาฝึกฝนเลี้ยงดู จะเป็นสาวใช้ที่ใช้เป็นเตาหม้อสำหรับเหล่าสานุศิษย์ของสำนักเซียวเหยา

อาซือหลานไม่คาดคิดว่าหอฮวาเย่ว์จะมาเปิดหอนางโลมในเมืองหลวง

ตอนนี้เขายังไม่มีอารมณ์ที่จะถามถึงเหตุผล เขาเปิดประตูเดินเข้าไป

หญิงสาววัยแรกแย้มคนหนึ่งกำลังดื่มชาอยู่ที่โต๊ะ คลุมเรือนร่างด้วยผ้าโปร่ง ขับเน้นให้ร่างบางดูอ่อนช้อยงดงาม จุดไท่หยางบริเวณขมับโปนเล็กน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวรยุทธ์ไม่ได้อ่อนแอเลย

มิน่าเล่าถึงสามารถพักอยู่ในห้องที่ดีที่สุดได้ อาซือหลานเอื้อมมือออกไปปิดประตู

การที่เขามาที่นี่นั้นเสี่ยงอันตรายมาก อยู่ได้ไม่นาน จึงต้องรีบเผด็จศึกโดยเร็ว

เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามเข้ามา ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายวาววับ พี่ชายรูปหล่อเช่นนี้ไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อยๆ

“คุณชาย ต้องการฟังสักบทเพลงก่อนหรือไม่”

อาซือหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ปลดเปลื้องเสื้อคลุมออก แล้วกดหญิงสาวลงบนโต๊ะ

“ไม่จำเป็น ข้าใจร้อน”

โดยไม่มีการเล้าโลมอารมณ์ใดๆ ตรงเข้าจุดสำคัญ สตรีคนนั้นเปล่งเสียงครวญครางกระเส่า ทว่าอาซือหลานได้คว้าลำคอไว้

สตรีคนนั้นรู้สึกราวกับว่าพลังทั้งหมดถูกดึงออกจากร่าง ไหลพุ่งออกมาราวกับน้ำหลาก นางอดตื่นตระหนกเสียมิได้

“คุณชายไม่นะ”

แม้ว่านางจะเป็นสาวใช้ที่เป็นเตาหม้อ แต่หากพลังทั้งหมดถูกพรากไปสิ้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ประโยชน์ หอฮวาเย่ว์ไม่เคยเก็บคนไร้ประโยชน์ไว้

อาซือหลานปิดปากของนาง พลังทั้งหมดถูกถ่ายเทไปทั่วร่าง ซึ่งพลังนี้เป็นสิ่งที่เขาเพิ่งได้รับมา ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจริงๆ

ต้องขอบคุณตระกูลอินที่ยึดเมืองได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เสาะหาวิธีอื่น

เดิมทีอาซือหลานเพียงต้องการต้าโจว ย้ายคนในเผ่ามายังสถานที่ที่มีดินและน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ เขาเปลี่ยนใจแล้ว

เขาต้องการเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดแห่งยุทธภพ และจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ชัดเจนมาก ซึ่งก็คืออินชิงเสวียน

เรื่องที่อินชิงเสวียนมีพิณการเวก อาซือหลานก็บังเอิญรู้เข้า หากได้ครอบครองคนผู้นี้ รวมถึงพิณนั้น เขาก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น วีรบุรุษจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ต่อต้านคนตงหลิว เมื่อถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่บัลลังก์ของผู้ที่อยู่จุดสูงสุดแห่งยุทธภพเลย แม้ต้องการโลกทั้งใบ เขาคนเดียวเรียกหา ก็มีร้อยคนขานรับ

เมื่อนึกถึงตรงนี้ อาซือหลานก็ยิ้มเยาะ และรัดคอสตรีคนนั้นจนตาย

สิบห้านาทีต่อมา อาซือหลานสวมเสื้อคลุม แล้วเดินออกจากเรือนจุ้ยหงด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ

เฟิงเอ้อร์เหนียงเดินไปส่งเขาถึงประตู ขณะที่กำลังจะทักทายลูกค้าคนอื่นๆ นางได้ยินเสียงบริกรชายเข้ามารายงาน

“แย่แล้วเถ้าแก้เนี้ย อวิ๋นสยานาง นางตายแล้ว”

“อะไรนะ”

เฟิงเอ้อร์เหนียงรีบเดินไปตรวจสอบที่ด้านหลัง ก็พบว่าสตรีคนนั้นร่างเปลือยเปล่า ล้มหน้าคว่ำกับพื้น

“แม่งเอ๊ย ต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะได้ออกไป”

“ข้าก็อยากถามคำถามนี้เหมือนกัน อาซือหลานก็ไม่รู้หายหัวไปไหน”

“เขาทิ้งเราให้อยู่ที่นี่ทั้งวัน เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปหาผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า”

“ใช่ บางทีเขาอาจจะหลอกเราก็ได้”

แม้ว่าทั้งสองจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าออกจากเรือนหลังนี้จริงๆ พวกเขารู้ด้วยว่าเมืองหลวงเป็นแผ่นดินของราชวงศ์ ยังมีคนมากมายรอจับพวกเขาสองคนอยู่เป็นแน่

“เข้าไปดูเจ้าเด็กเปรตนั่นซิ”

พวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าเย่จิ่งหลานหายตัวไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีคู่ต่อสู้อยู่พอดี กำลังรู้สึกเซ็ง มิสู้ไปจัดการกับเจ้าเด็กเปรตนั่นดีกว่า ได้ยินอาซือหลานพูด ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นท่านอ๋องน้อยด้วยสิ

เมื่อเปิดประตูใต้ดิน ก็เห็นเย่จิ่งหลานจริงๆ

มิติรักษาของเย่จิ่งหลานสามารถมองเห็นภายนอกได้โดยตรง เมื่อเห็นว่ารออยู่นานแล้ว แต่ไม่เห็นอาซือหลานกลับมา จึงเตรียมที่จะออกมาดู

โดยไม่คาดคิดว่าทันทีที่ออกมาจากมิติ ก็เห็นชาวญี่ปุ่นใบหน้าอัปลักษณ์สองคนเดินเข้ามาจากด้านนอก

“บากะ (โง่เง่า)”

ชาวญี่ปุ่นที่สามารถคาดเดาความเคลื่อนไหวได้ เอื้อมมือไปคว้าตัวเย่จิ่งหลาน

“บากะ โคตรเหง้าศักราชมันเอ๊ย”

เย่จิ่งหลานแสยะยิ้มพลางก่นด่าขึ้น ก่อนที่จะเข้าสู่มิติอีกครั้ง

เมื่อเห็นเจ้าเด็กเปรตพร่าเลือนและหายไปต่อหน้าต่อตาตัวเอง ชาวญี่ปุ่นทั้งสองคนก็อดมองหน้ากันไม่ได้

“นี่มันวรยุทธ์แบบไหนกัน หรือว่าเป็นวิชานินจาด้วย?”

อีกคนหนึ่งที่รู้วิชาดำดินก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“คล้ายมาก นอกจากวิชานินจาของเราแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้ แม้แต่ยอดฝีมือจากจงหยวนก็ทำไม่ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์