ฟางรั่วก็เห็นอินชิงเสวียนเช่นกัน ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ใบหน้าแดงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
อินชิงเสวียนให้องครักษ์ออกไปทันที พลิกกายลงจากหลังม้า
ฟางรั่วยืนนิ่ง
“มาเยี่ยมกวนเซี่ยวหรือ”
อินชิงเสวียนถามเรียบๆ
“ข้ามาหาเจ้า”
ฟางรั่วมองไปที่อินชิงเสวียน โดยไม่หลบเลี่ยงสายตา
อินชิงเสวียนยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย พูดสัพยอก “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมา”
ฟางรั่วกล่าวว่า “เดาเอา”
อินชิงเสวียนไม่ต้องการเปิดเผยความคิดของนาง จึงถามเรียบๆ “เจ้ามาหาข้าทำไม”
“ข้ามักจะรู้สึกว่าอาซือหลานยังไม่ตาย ข้าอยากตามเจ้าไป ตราบใดที่อยู่ข้างๆ เจ้า ข้าถึงจะมีโอกาสจัดการกับเขา”
เสียงของฟางรั่วสงบ แต่ดวงตาไม่สามารถซ่อนความเกลียดชังได้
“ไม่จำเป็นหรอก คนอย่างเจ้า ข้าไม่ไว้ใจ”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็เดินเข้าไปในจวนจอมพล ฟางรั่วเลื่อนเข้ามาขวางนาง
“เจ้าอยากให้ข้าทำอย่างไรถึงจะติดตามเจ้าได้”
อินชิงเสวียนหันกลับมา นัยน์ตาเย็นชาราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง
“เจ้ากับข้าวิถีทางแตกต่างกัน ไม่จำเป็นต้องฝืนใจมาอยู่ด้วยกัน หลีกไปเถอะ”
ฟางรั่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตามองจับไปยังอินชิงเสวียนโดยไม่ละสายตา
“เรามีเป้าหมายเดียวกัน ถึงแม้ไม่ใช่สหาย แต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ร่วมมือกันได้ เหตุใดกุ้ยเฟยถึงปฏิเสธคนให้ออกห่างออกไปหลายพันลี้ด้วยเล่า”
“เจ้าคิดว่าคำพูดของตัวเองสามารถโน้มน้าวใจได้งั้นหรือ”
อินชิงเสวียนถามกลับอย่างเย็นชา
ยิ่งกว่านั้น นางไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับฟางรั่ว
ฟางรั่วก้าวไปข้างหน้า กระซิบเสียงค่อย “อาซือหลานมีรหัสลับเฉพาะที่ใช้สื่อสารกับผู้อื่น ซึ่งรหัสลับนี้มีเพียงข้าและพวกพ้องของเขาเท่านั้นที่สามารถเข้าใจได้ และข้าได้ติดตามอาซือหลานมาตั้งแต่เด็ก ใช้เวลาครึ่งชีวิตรับใช้ผู้อื่น ถ้ากุ้ยเฟยเต็มใจยอมรับข้า ข้าสัญญาว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และรับใช้กุ้ยเฟย เราสามารถกำหนดเวลาไว้สามปี ถ้าอาซือหลานไม่ปรากฏตัวภายในสามปีนี้ ข้าจะไปเอง ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ขอกุ้ยเฟยโปรดช่วยข้า ให้สังหารศัตรูด้วยมือข้าเอง”
“เจ้าติดตามเขามาหลายปี แต่ตอนนี้เจ้ากำลังทรยศต่อเจ้านายของเจ้างั้นหรือ จะให้ข้าเชื่อเจ้าได้อย่างไร ฟางรั่ว วังหลวงไม่ใช่ตลาดขายผัก เจ้าคงรู้ชะตากรรมของสหายเจ้าแล้วนี่”
สำหรับฟางรั่ว อินชิงเสวียนพูดไม่ได้ว่าชอบ แต่ก็บอกไม่ได้เต็มปากว่าเกลียด แม้ว่านางจะเคยจับตัวเอง แต่นางก็ทำไปตามคำสั่งเท่านั้น ซึ่งตัวการคนสำคัญก็คืออาซือหลาน
นางก็เชื่ออยู่ว่าฟางรั่วต้องการกำจัดอาซือหลานจริงๆ เหตุผลที่ปฏิเสธนาง ก็เพียงเพราะว่ามีวิถีแตกต่างไม่อาจร่วมงานกันได้ก็เท่านั้นเอง
ฟางรั่วกัดริมฝีปาก แล้วพูดเสียงดัง “อินชิงเสวียน เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง”
“นั่นเป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าก็ไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก เพราะข้ากลัวว่าจะทนไม่ไหว ลงมือทำร้ายเจ้า”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็เดินเข้าไปในจวนจอมพลโดยไม่หันกลับมามอง
ขณะที่มองดูแผ่นหลัง ฟางรั่วเม้มริมฝีปากอย่างแรง แล้วเดินบ่ายหน้าไปยังตรอกอื่น
จอมพลเฒ่ากำลังเดินอยู่ในห้องโถง เมื่อได้ยินว่ากุ้ยเฟยมาเยี่ยม เขาก็ออกมาต้อนรับนางทันที
“กระหม่อมถวายพระพรกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ”
“อัคราจารย์เชิญลุกขึ้นเร็ว”
อินชิงเสวียนรีบเข้าไปประคองกวนฮั่นหลินโดยเร็ว
“ได้ยินมาว่าวันนี้อัคราจารย์ไม่ได้ไปโรงเรียนสอนการต่อสู้ ชิงเสวียนเป็นกังวล จึงเข้ามาดูเจ้าค่ะ”
กวนฮั่นหลินรู้สึกอบอุ่นในใจ ไม่นึกว่าอินชิงเสวียนจะห่วงใยเขามากขนาดนี้
เขาพูดทันควัน “เมื่อวานกวนเซี่ยวดื่มสุราจนเมามาย จนป่านนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย ข้ากลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป จึงลางาน รีบกลับเร็ว”
จอมพลเฒ่าโกรธจนน้ำลายแตกฟอง
“โชคร้ายของครอบครัวจริงๆ โชคร้ายของครอบครัว อย่าพูดถึงเขาเลย เราเข้าไปคุยกันข้างในกันเถอะ”
ทั้งสองมาที่ห้องโถง อินชิงเสวียนก็ถามถึงโรงเรียนสอนการต่อสู้
แล้วจอมพลเฒ่าเริ่มพูดไม่หยุดทันที เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจเรื่องโรงเรียนสอนการต่อสู้ และทุ่มเทความพยายามอย่างมาก เมื่อพูดถึงเรื่องในนั้น เขาก็หน้าบานเป็นกระด้ง จนคิดว่าเขาคงลืมความไม่พึงใจเมื่อครู่นี้ไปแล้ว
อินชิงเสวียนหยิบแผนภาพขบวนทัพที่นางแลกเปลี่ยนออกมา และมอบให้กับจอมพลเฒ่า
“ชิงเสวียนไม่รู้เรื่องยุทธวิธีการรบ นี่คือแผนภาพขบวนเคลื่อนทัพ ไม่ทราบว่าจะมีประโยชน์หรือไม่”
จอมพลเฒ่ารีบรับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
มีขบวนทัพทุกรูปแบบ เช่น ขบวนทัพงูต่อหาง ขบวนทัพมังกรสองตัวแหวกคลื่นน้ำ และขบวนทัพสามยอดอนันต์ พร้อมรูปภาพที่วาดไว้ และคำอธิบายถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละขบวนทัพ สำหรับผู้นำทัพเหมือนจอมพลเฒ่า ถือเป็นการช่วยเหลือครั้งใหญ่จริงๆ
“นี่เป็นของดีมากจริงๆ ขอบคุณชิงเสวียนมาก”
“อัคราจารย์ไม่ต้องเกรงใจ สามารถช่วยอัคราจารย์ได้ ชิงเสวียนก็พอใจแล้ว”
เสียงของอินชิงเสวียนอ่อนโยน ทุกท่วงท่าอากัปกิริยาล้วนผึ่งผายสง่างาม
เมื่อมองไปที่อินชิงเสวียนในปัจจุบัน จอมพลเฒ่าก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเงียบๆ ในใจ เด็กคนนี้คู่ควรกับคำว่ามารดาแห่งแผ่นดินคำนี้จริงๆ
“ชิงเสวียนห่วงใยใต้หล้า ฝ่าบาทมีภรรยาที่ประเสริฐเช่นนี้ ถือเป็นวาสนาของต้าโจวจริงๆ”
“อัคราจารย์ยกย่องเกินไปแล้ว อีกสองวันก็จะถึงวันครบรอบการเสียชีวิตของท่านแม่ข้า หลังจากนั้นข้าอาจออกจากวังได้สักพัก หากอัคราจารย์มีปัญหาเกี่ยวกับโรงเรียนสอนการต่อสู้ ก็สามารถไปหารือกับฝ่าบาทได้”
จอมพลเฒ่าถามทันที “ชิงเสวียนจะไปที่ใด”
ครั้นแล้วอินชิงเสวียนก็พูดแบบเดียวกับที่บอกอินจ้ง
จอมพลเฒ่าไม่เคลือบแคลงสงสัยเลย ถึงอย่างไรอินชิงเสวียนก็เป็นผู้ที่หยิบยกเรื่องการผันน้ำขึ้นมาและนางก็วาดภาพด้วยตัวเอง นอกจากนางแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้จริงๆ
“เดินทางครั้งนี้ชิงเสวียนจะต้องระมัดระวังให้มาก หลังจากเสร็จงานให้กลับวังทันที อย่าอยู่ข้างนอกนานเกินไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...