สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 654

ทุกคนตามหาร้านอาหาร และสั่งอาหารแกล้มเหล้ามาสองสามอย่าง อินชิงเสวียนเป็นกังวลมาตลอดว่าไป๋เสวี่ยจะไม่เชื่อฟัง แต่จนถึงตอนนี้ คนที่ไม่เชื่อฟังกลับเป็นเสี่ยวหนานเฟิงของนาง

เจ้าหนูนี่เพิ่งออกจากวังเป็นครั้งแรก มองเห็นอะไรก็แปลกตาไปหมด มือเล็กที่อ้วนท้วนพยายามชี้ออกไปด้านนอกประตู ไม่ว่าอย่างไรก็จะออกไปให้ได้

เย่จิ่งหลานที่อยู่อีกด้านก็กระตุกมุมปาก และพูดในใจว่า เจ้าหนูนี่ช่วยเขาได้เยอะทีเดียว

การได้ออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย เย่จิ่งหลานอยากเห็นสภาพความเป็นอยู่ของต้าโจวอย่างมาก แต่เขาก็รู้ดีว่าอินชิงเสวียนใจร้อนดั่งไฟ ตอนนี้ถือว่าเป็นไปตามความต้องการของเขาแล้ว

เมื่อเหลือบมองอินชิงเสวียน รอยยิ้มของเย่จิ่งหลานก็ล้ำลึกมากขึ้นอีก

อินชิงเสวียนร้อนใจจนถอนหายใจไม่หยุด แต่ก็ทนทำผิดกับเด็กไม่ได้ จึงต้องพาเขาไปเดินเล่นบนถนน

ร้านค้ายังไม่เก็บแผง บนถนนยังคงคึกคักอยู่มาก การจับจ่ายใช้สอยเรื่องกินดื่มล้วนมีครบทั้งสิ้น

เสี่ยวหนานเฟิงมองเห็นอะไรก็แปลกใหม่ไปเสียหมด ศีรษะน้อยๆ หมุนไปมาราวกับกลองป๋องแป๋ง สักพักมือน้อยๆ ก็ชี้ไปทางนั้นที สักพักก็ชี้มาทางนี้ที มองดูด้วยความสนุกสนานอย่างมาก

เย่จิ่งหลานก็มองซ้ายแลขวาเช่นกัน เพื่อมองหาเหยื่อของเขา

ทุกคนกำลังมองอยู่ ทันใดนั้น อวิ๋นฉ่ายก็ถูกคนเข้ามาชน จึงรู้สึกโมโหอย่างอดไม่ได้

“เจ้าเดินอย่างไรกัน?”

เมื่อได้ยินเสียงดังพรวด คนที่ชนนางก็ล้มลงไปแทบเท้าอวิ๋นฉ่ายทันที

อวิ๋นฉ่ายตกใจจนส่งเสียงกรีดร้องออกมา

“เจ้า... เจ้าต้องการจะทำอะไร?”

อินชิงเสวียนหันหน้ามา และรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

คนคนนี้ล้มลงบนพื้น ราวกับลูกน้ำเต้าขนาดใหญ่ ซึ่งแยกไม่ออกว่าควรพยุงทางไหน

โดยเฉพาะท้องที่ใหญ่โตขนาดนั้น ราวกับกำลังตั้งครรภ์เจ็ดแปดเดือนแล้ว เมื่อลองเข้าไปใกล้ ที่แท้ก็เป็นผู้ชายที่มีหนวดคนหนึ่ง

ท้องของผู้ชายมีขนาดใหญ่มากจนแทบลุกขึ้นไม่ไหว สองเท้าพยายามถีบลงบนพื้นอย่างรุนแรง

หวังซุ่นทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ เขาจึงดึงผู้ชายคนนี้ขึ้นมา

“เจ้าเป็นอะไรกัน เดินไม่มองทางเลยหรือ แม่นางของพวกเราให้เจ้ามาเดินชนเล่นๆ ได้งั้นหรือ?”

อย่ามองว่าหวังซุ่นมีท่าทางอัปลักษณ์ แต่ปากของเขาค่อนข้างหวาน และเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลม เขาชี้ไปที่ผู้ชายเพื่อทำการสั่งสอน

เมื่อเห็นว่าทุกคนสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส ผู้ชายจึงโค้งคำนับไม่หยุด

“แข้งขาของข้าน้อยไม่ค่อยแข็งแรงนัก แม่นางทั้งสองได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าน้อยมีท้องที่ใหญ่เกินไป จึงไม่มีวิธีคุกเข่าลงขอโทษ ข้าต้องขอโทษแม่นางด้วยจริงๆ”

คนผู้นี้สวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง เสื้อผ้าของเขามีรอยเย็บปะอยู่ด้วย เพราะหน้าท้องที่มีขนาดใหญ่เกินไป จึงไม่อาจโค้งเอวได้ มีท่าทางตลกขบขันเล็กน้อย

อวิ๋นฉ่ายปิดปาก กลั้นหัวเราะเอาไว้

“ช่างเถอะ ข้าไม่ถือสาเอาเรื่องกับเจ้าหรอก”

เย่จิ่งหลานเดินมาจากด้านหลัง เขายื่นมือออกมา และดีดที่ท้องขนาดใหญ่ของชายคนนั้น

“เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ?”

ในยุคสมัยนี้ยังไม่มีเบียร์ จึงไม่มีทางลงพุงเพราะเบียร์แน่นอน

ผู้ชายหัวเราะแห้งๆ

“ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน ข้าไม่ได้กินเยอะเลยด้วยซ้ำ แต่หน้าท้องกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวัน บางครั้งก็รู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย”

เย่จิ่งหลานเดินสำรวจรอบตัวเขาแล้วพูดว่า “หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าต้องเป็นเนื้องอกแน่นอน”

ชายคนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ

“อะ... อะไรคือเนื้องอกงั้นหรือ?”

“ก็คือสิ่งที่โตขึ้นในท้องของเจ้า”

เย่จิ่งหลานพูดจบก็ชี้ไปที่อินชิงเสวียน

“เห็นคุณหนูคนงามผู้นั้นหรือไม่ นางเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง วันนี้เจ้าได้บังเอิญพบกับนาง นับว่าเป็นโชคดีอย่างมาก ขอเพียงนางยินยอมช่วยเหลือ ข้ารับรองว่าเจ้าจะสามารถจัดการกับอาการป่วยได้”

อินชิงเสวียนกลับหัวเราะไม่ออก เมื่อถูกคนมากมายห้อมล้อมเอาไว้เช่นนี้ แกนสมองของนางมีเสียงดังกระหึ่ม

ทันใดนั้นก็มีคนถามอีกว่า “หมอเทวดาหญิงพักอยู่ที่ใด พวกเราจะไปรอที่บ้านของหมอเทวดา”

เย่จิ่งหลานรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ จะเป็นการรบกวนการนอนของหมอเทวดา นี่ถือเป็นข้อห้าม หากพวกเจ้าต้องการตรวจโรค ก็มาต่อแถวรอวันพรุ่งนี้”

การตรวจโรคโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนต้องการ ทุกคนแทบอยากจะตามกลับบ้านไปด้วย เมื่อได้ยินเย่จิ่งหลานพูดเช่นนั้น ก็ทำได้เพียงยอมถอย

“พรุ่งนี้หมอเทวดาต้องมาให้ได้นะ”

“อาการป่วยของข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ หมอเทวดาได้โปรดสงสารข้าด้วย ช่วยตรวจให้ข้าหน่อยเถอะ”

“ข้าก็เหมือนกัน พอหิมะตกก็ปวดเท้า คนจนไม่มีเงินไปรักษาหรอก หมอเทวดาได้โปรดให้โอกาสข้าน้อยด้วย”

“รู้แล้วๆ วันนี้พวกเราต้องกลับก่อน ข้าจะพาเขาไป พรุ่งนี้พวกเราค่อยพบกันใหม่”

เย่จิ่งหลานดึงชายท้องโตเดินกลับ ด้านหลังก็มีคนอีกมหาศาลที่ตามมาด้วยความอาลัยอาวรณ์

อวิ๋นฉ่ายและจังอวี้จิ่นรีบขวางคนเหล่านี้เอาไว้

“เลิกตามได้แล้ว หากทำให้เจ้านายของพวกเราโมโห ท่านจะไม่ตรวจให้ใครเลยสักคน”

ทั้งสองไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฝูอี้อ๋องจึงพูดเช่นนี้ แต่เจ้านายของตัวเองไม่ได้พูดอะไร ซึ่งหมายความว่านางยอมรับอย่างเงียบๆ อวิ๋นฉ่ายอยู่ในวังมานาน หัวสมองของนางค่อนข้างฉับไว จึงให้ความร่วมมือในทันที

จังอวี้จิ่นมีนิสัยซื่อตรง แต่ก็สามารถเลียนแบบได้เหมือนมาก ช่วยอวิ๋นฉ่ายขัดขวางชาวบ้านเหล่านั้นที่ตามมา

เย่จิ่งหลานได้ดึงตัวของชายท้องโตคนนั้นขึ้นรถ

เมื่อเห็นสีหน้าของอินชิงเสวียนไม่ค่อยดีนัก จึงหัวเราะอย่างประจบสอพลอทันที และพูดเสียงเบาว่า “วางใจได้เลย ข้าใช้เวลาไม่นาน รอให้ข้าได้ของสิ่งนั้นมาก่อน ข้าจะคุ้มครองท่านได้อย่างดีแน่นอน”

อินชิงเสวียนทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ “ข้าไม่ต้องการให้ท่านมาคุ้มครองหรอกนะ ท่านคุ้มครองตัวเองให้ดีก็พอแล้ว หวังว่าครั้งนี้ท่านจะสมหวังได้เสียที อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวให้ข้าอีกล่ะ”

“วางใจได้ ข้าคงขาดอีกแค่ชิ้นเดียวแล้ว รับรองว่าไม่มีครั้งหน้าอีกแน่นอน”

เย่จิ่งหลานพูดเกลี้ยกล่อม เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ดึงชายคนนั้นเข้าในมิติการรักษาของตัวเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์