เจ้าสำนักเซี่ยวไม่รู้ว่าเรื่องรักของตัวเองหมดลมหายใจไปแล้ว เมื่อออกมาจากบ้านของหมอเทวดาหนิง ก็ตรงไปที่ถิ่นอาศัยชั่วคราวอย่างหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์
เพื่อคุ้มกันชีพจรของเซี่ยวอิ๋นหวน หมอเทวดาหนิงให้เขาส่งกำลังภายในหนึ่งถึงสองครั้ง วิธีนี้อาจจะสามารถช่วยต่อชีวิตให้นานยิ่งขึ้น
เจ้าสำนักเซี่ยวเชื่อมั่นในตัวของเพื่อนรักอย่างมาก เมื่อออกนอกประตูก็ใช้วิชาตัวเบา
เมื่อมาถึงหน้าประตู ก็พบฉินเอ๋อร์วิ่งออกมาจากด้านใน มุมปากยังคงมีรอยเลือดติดอยู่
“เจ้าสำนัก”
เมื่อเห็นเจ้าสำนักเซี่ยว ฉินเอ๋อร์ก็ขาอ่อนแรงลง และคุกเข่าลงบนพื้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เจ้าสำนักเซี่ยวเดินเข้าไปอย่างว่องไว และพยุงฉินเอ๋อร์ขึ้นมา
ฉินเอ๋อร์พูดสะอึกสะอื้นว่า “เจ้าสำนักเพิ่งไปได้ไม่นาน หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกโจมตีเจ้าค่ะ”
เจ้าสำนักเซี่ยวถามอย่างโมโหว่า “หวนเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ผู้ที่ลงมือคือใคร”
ฉินเอ๋อร์รีบพูดว่า “ผู้คุมตราเซี่ยวไม่เป็นอะไร เซ่อเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเจ้าค่ะ”
เจ้าสำนักเซี่ยวโล่งใจ และถามอีกว่า “บาดแผลของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เห็นหน้าตาของโจรหรือไม่?”
“ไม่เจ้าค่ะ คนคนนี้มีเคล็ดวิชาว่องไวมาก เมื่อลงมือแล้วก็หนีไปทันที”
ฉินเอ๋อร์ลังเลครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “พวกเราบาดเจ็บไม่มาก ดูเหมือนว่าคนผู้นี้ไม่ได้ต้องการลงมืออย่างโหดเหี้ยม”
“หรืออาจเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดจบก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเปิดประตูที่พักของเซี่ยวอิ๋นหวน พบว่ายังนางยังนอนอยู่บนเตียง หัวใจก็ผ่อนคลายลง
สานเมี่ยวอินอีกสามคนก็รีบวิ่งเข้ามาที่นี่ คุกเข่าครึ่งหนึ่งลงบนพื้นและพูดด้วยความเคารพว่า “ขอถวายความเคารพต่อเจ้าสำนัก”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ลุกขึ้นเถอะ คนคนนั้นหนีไปที่ใด?”
ผีเอ๋อร์พูดว่า “ข้าน้อยกลัวว่าคนร้ายจะพุ่งเป้ามาที่ผู้คุมตราเซี่ยว จึงไม่กล้าตามไปเจ้าค่ะ”
“ทำได้ดีมาก”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดจบก็หยิบเม็ดยาออกมาจากหน้าอกหลายเม็ด
“นี่คือยาที่ข้าขอมาจากหมอเทวดาหนิง มีผลดียิ่งในการรักษาบาดแผล พวกเจ้าออกไปใช้ยารักษาแผลก่อนเถอะ”
“ขอบพระคุณเจ้าสำนัก”
ทุกคนหยิบยา และออกไปรักษาบาดแผลในทันที
เจ้าสำนักเซี่ยวจึงส่งกำลังภายในให้แก่เซี่ยวอิ๋นหวน
ระหว่างที่เก็บฝ่ามือ ทันใดนั้นก็เห็นลูกศิษย์เข้ามารายงาน
“เจ้าสำนัก หมอเทวดาหนิงถูกคนลอบสังหาร”
“อะไรนะ?”
เจ้าสำนักเซี่ยวตกใจในทันที
เวลายังไม่ถึงสิบห้านาที หมอเทวดาหนิงจะตายได้อย่างไร?
“เป็นจริงดังนั้น เจ้าสำนักแต่ละสำนักต่างก็มุ่งหน้าไปยังที่พักของหมอเทวดาหนิง”
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”
เจ้าสำนักเซี่ยวตกใจจนถอยหลังหนึ่งก้าว
หากหมอเทวดาหนิงตาย เกรงว่าชีวิตของหวนเอ๋อร์ก็ไม่อาจช่วยไว้ได้อีกแล้ว แม้ว่ากำลังภายในของตัวเองจะล้ำลึกเพียงใด ก็ไม่สามารถต่อลมปราณในนางมีชีวิตได้ ภายใต้ระยะเวลาที่ยาวนาน แม้ว่าหัวใจของนางไม่ถูกสารพิษกัดกร่อน ก็สามารถใช้ชีวิตจนแก่ชราและตายด้วยตัวเอง
สำหรับเจ้าสำนักเซี่ยวแล้ว สิ่งที่สูญเสียไปคือลูกสาวบุญธรรม แต่หากสำหรับใต้หล้านั้น กลับสูญเสียยอดฝีมือที่จะต่อต้านศัตรู ตอนนี้หลี่เฟิ่งอี๋ได้ตายจากไปแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถบรรเลงพิณการเวกให้เกิดเสียงได้อีกแล้ว
แม้ว่าลิ่นเซียวจะสามารถเล่นพิณได้ แต่ไม่สามารถแสดงพลังอำนาจได้อย่างสองคนนั้น
อีกคนพูดว่า “หมอเทวดาหนิงตายแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อพวกเราเลย ต่อไปเราต้องเข้าร่วมการทำสงครามอย่างระมัดระวัง หากได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยไม่ได้ตั้งใใจ คงต้องตายจริงๆ แล้วล่ะ”
คนที่มีน้ำเสียงแก่หง่อมพูดขึ้นมาว่า “ใครกันนะที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ ถึงขั้นฆ่าหมอเทวดาหนิงได้ หรือว่าเป็นสายสืบของตงหลิว?”
“ไม่น่าใช่”
คนนั้นกำลังจะพูดบางอย่างก็เงียบไป จากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบามากขึ้น
“ข้าได้ยินมาว่าหมอเทวดาหนิงตายด้วยฝ่ามือทะลายเสียง นี่ถือเป็นวรยุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”
“หา? หรือว่า... ผู้ที่ลงมือก็คือเจ้าสำนักเซี่ยว?”
“อาจมีความเป็นไปได้ ได้ยินว่าเจ้าสำนักเซี่ยวไปหาหมอเทวดาหนิงเพื่อรักษาลูกสาวบุญธรรมอยู่หลายครั้ง ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะรักษาไม่หายจึงเกิดบันดาลโทสะ และตบหมอเทวดาหนิงตายในฝ่ามือเดียว”
“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เลวเกินไปแล้ว ได้ยินว่าหมอเทวดาหนิงเป็นเพื่อนเก่าแก่ของเขานับหลายสิบปี เทียบกับลูกสาวบุญธรรมเพียงคนเดียวไม่ได้เลยหรือ?”
คนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พูดอย่างดิบดีว่าเป็นลูกสาวบุญธรรม แต่ความจริงมีความสัมพันธ์กันแบบไหน พวกเราจะรู้ได้อย่างไรกัน...”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าตาแก่นี่เป็นคนที่ต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้ ดูการทำงานของเขาก็ไม่เหมือนสำนักแห่งความซื่อตรงอะไรเลย ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สั่งให้คนไปปล้นพิณในเมืองหลวงได้หรอก
เพียงแค่เกลียดที่ตัวเองไม่มีวรยุทธ์เทียบเท่าเขา หากไม่เช่นนั้นคงตายด้วยน้ำมือของเข้าอย่างแน่นอน
เมื่อลองคิดดูอีกครั้ง หากเขาฆ่าหมอเทวดาหนิงผู้นั้นจริงๆ อาจจะถูกโจมตีโดยกลุ่มคนอย่างแน่นอน และบางทีตัวเองอาจฉวยโอกาสในช่วงที่ชุลมุน เพื่อล้างแค้นให้กับการตกเป็นเชลยครั้งนี้
เย่จิ่งอวี้วางแก้วเหล้าลงในทันที โยนเงินหยวนเป่าไว้หนึ่งก้อน และสาวเท้ายาวเดินออกจากโรงเตี๊ยมไป
เมื่อลองถามดูครู่หนึ่งแล้ว จึงได้สืบทราบที่อยู่ของหมอเทวดาหนิง
เย่จิ่งอวี้รู้ว่าในบ้านล้วนมีแต่ยอดฝีมือ จึงใช้ลมปราณอย่างแผ่วเบา แนบตัวลงบนหลังคาอย่างไร้สุ้มเสียง และผ่อนลมหายใจของตัวเองใช้ช้ามากที่สุด เพื่อสะดวกต่อการซ่อนตัว
เมื่อจะฟังว่าด้านในกำลังพูดอะไรกันอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าลอยมาแต่ไกลๆ
ชายคนหนึ่งสวมหมวกไม้ไผ่ขนาดใหญ่และผ้าคลุมสีดำยาวถึงพื้นได้มาถึงที่หน้าประตู
เขาพลิกตัวลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นเสียงดังว่า “เจ้าสำนักเซียวเหยามาถึงแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...