สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 686

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉุยอวี้ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ผู้นี้ก็คือสามีของแม่นางอิน เสียมารยาทแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว ถึงอย่างไรวันเวลายังอีกยาวนาน แล้วเราจะได้พบกันอีก”

ฉุยอวี้หัวเราะ และเหาะขึ้นไปบนอากาศ

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ทำไมคนผู้นี้ถึงดูเป็นเสนียดจัง”

ความรู้สึกนั้นทำให้นางนึกถึงอาซือหลานอย่างอธิบายไม่ถูก

พอนึกดูอีกที เย่จิ่งอวี้และเสด็จอาได้ยืนยันด้วยตัวเองแล้ว ฉะนั้นเจ้าตัวหายนะนี้คงไม่ฟื้นคืนมาได้อีก บางทีอาจได้พบกับคนใจดี มาเก็บศพเขาไปก็ได้

เย่จิ่งอวี้จับมืออินชิงเสวียน พูดด้วยความรังเกียจ “สำนักเช่นนี้จะมีคนดีได้อย่างไร เขามาที่นี่ ต้องเป็นเพราะพิณการเวกแน่ๆ”

ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ห็เล่าเรื่องข้อพิพาทระหว่างสำนักอวิ๋นซานและหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ให้อินชิงเสวียนฟัง

“คนผู้นี้กับซูถูเป็นพวกไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ตอนอยู่ที่ห้องทำงานของหมอเทวดาหนิง ที่ซูถูทำแบบนี้ เกรงว่าเขาจะมีส่วนพัวพันอยู่เป็นแน่”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

นางเพิ่งสัมผัสถึงประสบการณ์อานุภาพของพิณการเวก อาวุธลึกลับเช่นนี้ คงกระตุ้นความโลภของผู้คนมากมายอย่างแน่นอน

“ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ต้องให้เจ้าสำนักเซี่ยวและท่านแม่ระวังไว้ด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่กลัวขโมยมาลัก แต่กลัวขโมยนึกถึง หากพวกเขาเกิดความคิดเช่นนี้ ไม่มีทางจะถอดใจง่ายๆ อย่างแน่นอน”

“ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น”

เย่จิ่งอวี้กำลังจะพูดต่อ แล้วก็เห็นเซี่ยวอิ๋นหวนสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้อง

“อวี้เอ๋อร์ เสวียน‍เอ๋อร์!”

ฉุยอวี้เป็นถึงเจ้าสำนัก มีบุคลิกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เซี่ยวอิ๋นหวนย่อมไม่วางใจให้เด็กสองคนอยู่ข้างนอกตามลำพังได้

พวกเขาทั้งสองหันกลับมาพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าแม่สามารถลุกจากเตียงได้ เย่จิ่งอวี้เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วทันที พร้อมกับเอื้อมมือไปพยุงเซี่ยวอิ๋นหวน

“พวกเราไม่เป็นไร ตอนนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

เมื่อครู่เซี่ยวอิ๋นหวนก็ร้อนใจเช่นกัน ตอนนี้เพียงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว รีบตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ร่างกายดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้น อวัยวะภายในก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

นางอดไม่ได้ที่จะมองอินชิงเสวียนอย่างตื่นเต้น

“หรือว่าเสวียน‍เอ๋อร์ก็เป็นหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ฉีหวงงั้นหรือ น้ำพุยานี้ได้ผลดีจริงๆ!”

เย่จิ่งอวี้รีบตอบ “เสวียน‍เอ๋อร์ไม่ใช่หมอ ครั้งหนึ่งนางเคยพบกับคนที่มีฝีมือร้ายกาจในเมืองหลวง น้ำพุยาเหล่านี้ก็เป็นผู้อาวุโสท่านนั้นที่ทิ้งเอาไว้”

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองเย่จิ่งอวี้ รู้สึกว่าฮ่องเต้น้อยก็โกหกเป็นเหมือนกัน!

แต่เมื่อเขาเป็นคนพูดคำเหล่านี้ สำหรับตัวเองแล้ว รู้สึกว่ามีความน่าเชื่อถือสูงกว่ามาก

เซี่ยวอิ๋นหวนย่อมไม่สงสัยลูกชายอยู่แล้ว พูดอย่างปลงๆ “ไม่นึกว่าจะในโลกนี้จะมียอดฝีมือเช่นนี้ ระดับความรู้ของเขาเกรงว่าจะลึกซึ้งไม่น้อยกว่าหมอเทวดาหนิง”

ทันทีที่พูดจบ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกับชายชราที่มีหนวดเครายาวเฟื้อย คิ้วเคราเป็นสีขาว

เซี่ยวอิ๋นหวนโค้งคำนับทันที

“อิ๋นหวนน้อมคำนับท่านพ่อบุญธรรม น้อมคำนับผู้อาวุโสสวี”

จากนั้นก็แนะนำ “อวี้เอ๋อร์ เสวียน‍เอ๋อร์ นี่คือผู้อาวุโสถือกระบี่แห่งสำนักเทียนหยวน รีบมาคำนับเร็วเข้า”

พวกเขาทั้งสองก้าวไปข้างหน้า และคำนับพร้อมกัน “น้อมคำนับเจ้าสำนักเซี่ยว น้อมคำนับผู้อาวุโสสวี”

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายชราอย่างเงียบๆ ผู้อาวุโสถือกระบี่ของสำนักเทียนหยวน คงเป็นอาจารย์ของเย่จั้นกระมัง

เมื่อมองใบหน้าอิ่มเอิบของชายชรา ประกอบกับท่าทางที่เป็นมิตร นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจ

เย่จั้นบอกว่าถ้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ ให้แสดงกระบี่ยาวของเขาได้เลย อินชิงเสวียนเพิ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาให้กับคนผู้นี้

เจ้าสำนักเซี่ยวไปส่งผู้อาวุโสสวีถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดอะไร หลังจากนั้นอีกสิบห้านาทีต่อมา เขาจึงกลับเข้ามาในเรือน

เซี่ยวอิ๋นหวนรีบคุกเข่าลงบนพื้น แล้วก้มพูดอย่างศิโรราบ “ลูกไม่รู้ว่าอวี้เอ๋อร์จะมาที่นี่ หวังว่าพ่อบุญธรรมจะไม่ตำหนิ”

เจ้าสำนักเซี่ยวพูดเรียบๆ “ไหนๆ ก็มาแล้ว ข้าตำหนิไปจะมีประโยชน์อะไร เจ้าลุกขึ้นเถอะ พื้นเย็น เป็นเดี๋ยวจะป่วยเอาอีก”

แม้ว่าเขาจะเกลียดคนแซ่เย่ทั้งตระกูล แต่ก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกนั้นแยกกันไม่ออก ตอนนี้เซี่ยวอิ๋นหวนไม่เป็นไรแล้ว เขาไม่อยากสืบสาวราวเรื่อง

เซี่ยวอิ๋นหวนเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ โขกศีรษะคำนับ “ขอบคุณท่านพ่อบุญธรรม”

ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้แสดงความไม่พอใจ เสด็จแม่มีสถานะสูงส่ง แต่กลับถ่อมตัวกับชายชราที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อคิดว่าเขาจับตัวเองมาเอาเลือดโดยไม่อธิบายเหตุผล ดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

แม้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะอายุมากแล้ว แต่หูตาของเขาก็เฉียบคม เขาหันหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กนี่มีอะไรไม่พอใจงั้นหรือ”

เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้นิ่งขึง พูดเบาๆ “ไม่พอใจแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ ถ้าเจ้าสำนักเซี่ยวอธิบายเหตุผลให้ชัดเจนตั้งแต่แรก คงไม่ต้องล่าช้ามาจนถึงตอนนี้ บางทีหมอเทวดาหนิงอาจจะไม่ตาย”

“เจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าพูดจาหยิ่งยโสแบบนี้ ลองรับกระบวนท่านี้ของข้าดู”

เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ฉุนเฉียวมาก อาจกล่าวได้ว่าเดือดจนลุกเป็นไฟ ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ฝ่ามือก็ลอยออกมา

อินชิงเสวียนและเซี่ยวอิ๋นหวนต่างตกใจ และเคลื่อนไหวป้องกันการโจมตีพร้อมกัน

ความรู้สึกนี้และสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เย่จิ่งอวี้โกรธมากยิ่งขึ้น

ถึงเจ้าสำนักเซี่ยวจะเป็นท่านพ่อบุญธรรมของท่านแม่แล้วอย่างไรล่ะ เขาเป็นถึงโอรสสวรรค์ ยังต้องอดทนต่อฎีกาของเหล่าขุนนาง ลำพังแค่เจ้าสำนักหนึ่ง มีอะไรที่พูดไม่ได้

ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร ความโกรธในหัวใจก็ยิ่งควบคุมไม่ได้ ดวงตาสีเข้มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ ทันที

เขาย่อตัว เหาะไปในอากาศ เผชิญหน้ากับเจ้าสำนักเซี่ยวโดยตรง

ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน เจ้าสำนักเซี่ยวตกใจเล็กน้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์