หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉุยอวี้ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ผู้นี้ก็คือสามีของแม่นางอิน เสียมารยาทแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว ถึงอย่างไรวันเวลายังอีกยาวนาน แล้วเราจะได้พบกันอีก”
ฉุยอวี้หัวเราะ และเหาะขึ้นไปบนอากาศ
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ทำไมคนผู้นี้ถึงดูเป็นเสนียดจัง”
ความรู้สึกนั้นทำให้นางนึกถึงอาซือหลานอย่างอธิบายไม่ถูก
พอนึกดูอีกที เย่จิ่งอวี้และเสด็จอาได้ยืนยันด้วยตัวเองแล้ว ฉะนั้นเจ้าตัวหายนะนี้คงไม่ฟื้นคืนมาได้อีก บางทีอาจได้พบกับคนใจดี มาเก็บศพเขาไปก็ได้
เย่จิ่งอวี้จับมืออินชิงเสวียน พูดด้วยความรังเกียจ “สำนักเช่นนี้จะมีคนดีได้อย่างไร เขามาที่นี่ ต้องเป็นเพราะพิณการเวกแน่ๆ”
ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ห็เล่าเรื่องข้อพิพาทระหว่างสำนักอวิ๋นซานและหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ให้อินชิงเสวียนฟัง
“คนผู้นี้กับซูถูเป็นพวกไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ตอนอยู่ที่ห้องทำงานของหมอเทวดาหนิง ที่ซูถูทำแบบนี้ เกรงว่าเขาจะมีส่วนพัวพันอยู่เป็นแน่”
อินชิงเสวียนพยักหน้า
นางเพิ่งสัมผัสถึงประสบการณ์อานุภาพของพิณการเวก อาวุธลึกลับเช่นนี้ คงกระตุ้นความโลภของผู้คนมากมายอย่างแน่นอน
“ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ต้องให้เจ้าสำนักเซี่ยวและท่านแม่ระวังไว้ด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่กลัวขโมยมาลัก แต่กลัวขโมยนึกถึง หากพวกเขาเกิดความคิดเช่นนี้ ไม่มีทางจะถอดใจง่ายๆ อย่างแน่นอน”
“ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น”
เย่จิ่งอวี้กำลังจะพูดต่อ แล้วก็เห็นเซี่ยวอิ๋นหวนสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้อง
“อวี้เอ๋อร์ เสวียนเอ๋อร์!”
ฉุยอวี้เป็นถึงเจ้าสำนัก มีบุคลิกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เซี่ยวอิ๋นหวนย่อมไม่วางใจให้เด็กสองคนอยู่ข้างนอกตามลำพังได้
พวกเขาทั้งสองหันกลับมาพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าแม่สามารถลุกจากเตียงได้ เย่จิ่งอวี้เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วทันที พร้อมกับเอื้อมมือไปพยุงเซี่ยวอิ๋นหวน
“พวกเราไม่เป็นไร ตอนนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อครู่เซี่ยวอิ๋นหวนก็ร้อนใจเช่นกัน ตอนนี้เพียงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว รีบตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ร่างกายดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้น อวัยวะภายในก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
นางอดไม่ได้ที่จะมองอินชิงเสวียนอย่างตื่นเต้น
“หรือว่าเสวียนเอ๋อร์ก็เป็นหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ฉีหวงงั้นหรือ น้ำพุยานี้ได้ผลดีจริงๆ!”
เย่จิ่งอวี้รีบตอบ “เสวียนเอ๋อร์ไม่ใช่หมอ ครั้งหนึ่งนางเคยพบกับคนที่มีฝีมือร้ายกาจในเมืองหลวง น้ำพุยาเหล่านี้ก็เป็นผู้อาวุโสท่านนั้นที่ทิ้งเอาไว้”
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองเย่จิ่งอวี้ รู้สึกว่าฮ่องเต้น้อยก็โกหกเป็นเหมือนกัน!
แต่เมื่อเขาเป็นคนพูดคำเหล่านี้ สำหรับตัวเองแล้ว รู้สึกว่ามีความน่าเชื่อถือสูงกว่ามาก
เซี่ยวอิ๋นหวนย่อมไม่สงสัยลูกชายอยู่แล้ว พูดอย่างปลงๆ “ไม่นึกว่าจะในโลกนี้จะมียอดฝีมือเช่นนี้ ระดับความรู้ของเขาเกรงว่าจะลึกซึ้งไม่น้อยกว่าหมอเทวดาหนิง”
ทันทีที่พูดจบ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกับชายชราที่มีหนวดเครายาวเฟื้อย คิ้วเคราเป็นสีขาว
เซี่ยวอิ๋นหวนโค้งคำนับทันที
“อิ๋นหวนน้อมคำนับท่านพ่อบุญธรรม น้อมคำนับผู้อาวุโสสวี”
จากนั้นก็แนะนำ “อวี้เอ๋อร์ เสวียนเอ๋อร์ นี่คือผู้อาวุโสถือกระบี่แห่งสำนักเทียนหยวน รีบมาคำนับเร็วเข้า”
พวกเขาทั้งสองก้าวไปข้างหน้า และคำนับพร้อมกัน “น้อมคำนับเจ้าสำนักเซี่ยว น้อมคำนับผู้อาวุโสสวี”
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายชราอย่างเงียบๆ ผู้อาวุโสถือกระบี่ของสำนักเทียนหยวน คงเป็นอาจารย์ของเย่จั้นกระมัง
เมื่อมองใบหน้าอิ่มเอิบของชายชรา ประกอบกับท่าทางที่เป็นมิตร นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจ
เย่จั้นบอกว่าถ้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ ให้แสดงกระบี่ยาวของเขาได้เลย อินชิงเสวียนเพิ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาให้กับคนผู้นี้
เจ้าสำนักเซี่ยวไปส่งผู้อาวุโสสวีถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดอะไร หลังจากนั้นอีกสิบห้านาทีต่อมา เขาจึงกลับเข้ามาในเรือน
เซี่ยวอิ๋นหวนรีบคุกเข่าลงบนพื้น แล้วก้มพูดอย่างศิโรราบ “ลูกไม่รู้ว่าอวี้เอ๋อร์จะมาที่นี่ หวังว่าพ่อบุญธรรมจะไม่ตำหนิ”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดเรียบๆ “ไหนๆ ก็มาแล้ว ข้าตำหนิไปจะมีประโยชน์อะไร เจ้าลุกขึ้นเถอะ พื้นเย็น เป็นเดี๋ยวจะป่วยเอาอีก”
แม้ว่าเขาจะเกลียดคนแซ่เย่ทั้งตระกูล แต่ก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกนั้นแยกกันไม่ออก ตอนนี้เซี่ยวอิ๋นหวนไม่เป็นไรแล้ว เขาไม่อยากสืบสาวราวเรื่อง
เซี่ยวอิ๋นหวนเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ โขกศีรษะคำนับ “ขอบคุณท่านพ่อบุญธรรม”
ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้แสดงความไม่พอใจ เสด็จแม่มีสถานะสูงส่ง แต่กลับถ่อมตัวกับชายชราที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อคิดว่าเขาจับตัวเองมาเอาเลือดโดยไม่อธิบายเหตุผล ดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
แม้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะอายุมากแล้ว แต่หูตาของเขาก็เฉียบคม เขาหันหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กนี่มีอะไรไม่พอใจงั้นหรือ”
เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้นิ่งขึง พูดเบาๆ “ไม่พอใจแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ ถ้าเจ้าสำนักเซี่ยวอธิบายเหตุผลให้ชัดเจนตั้งแต่แรก คงไม่ต้องล่าช้ามาจนถึงตอนนี้ บางทีหมอเทวดาหนิงอาจจะไม่ตาย”
“เจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าพูดจาหยิ่งยโสแบบนี้ ลองรับกระบวนท่านี้ของข้าดู”
เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ฉุนเฉียวมาก อาจกล่าวได้ว่าเดือดจนลุกเป็นไฟ ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ฝ่ามือก็ลอยออกมา
อินชิงเสวียนและเซี่ยวอิ๋นหวนต่างตกใจ และเคลื่อนไหวป้องกันการโจมตีพร้อมกัน
ความรู้สึกนี้และสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เย่จิ่งอวี้โกรธมากยิ่งขึ้น
ถึงเจ้าสำนักเซี่ยวจะเป็นท่านพ่อบุญธรรมของท่านแม่แล้วอย่างไรล่ะ เขาเป็นถึงโอรสสวรรค์ ยังต้องอดทนต่อฎีกาของเหล่าขุนนาง ลำพังแค่เจ้าสำนักหนึ่ง มีอะไรที่พูดไม่ได้
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร ความโกรธในหัวใจก็ยิ่งควบคุมไม่ได้ ดวงตาสีเข้มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ ทันที
เขาย่อตัว เหาะไปในอากาศ เผชิญหน้ากับเจ้าสำนักเซี่ยวโดยตรง
ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน เจ้าสำนักเซี่ยวตกใจเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...