สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 722

“ไม่เป็นไรเพคะ ตอนนี้เกินตีหนึ่งมาแล้ว เวลานี้น่าจะกำลังพอดี”

อินชิงเสวียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดวงตายังคงจับจ้องไปที่เย่จิ่งอวี้อย่างไม่วางตา

เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืน และจับมือเล็กที่เย็นเล็กน้อยของอินชิงเสวียนเอาไว้

“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ?”

อินชิงเสวียนกระแอมไอเสียงแห้งแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรเพคะ อาอวี้รู้สึกผิดปกติส่วนไหนในร่างกายหรือไม่เพคะ?”

เย่จิ่งอวี้หลับตาเพื่อสัมผัสความรู้สึก พร้อมส่ายหน้าพูดว่า “เหตุใดเสวียนเอ๋อร์จึงถามเช่นนี้?”

อินชิงเสวียนพูดด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ข้าเป็นห่วงว่าท่านจะเหนื่อยมากเกินไป ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเพคะ พวกเราออกไปกันเถอะ!”

เย่จิ่งอวี้กางแขนออก และโอบอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมอก พร้อมพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ลำบากเสวียนเอ๋อร์แย่เลย”

อินชิงเสวียนพูดตำหนิว่า “มีสิ่งใดต้องลำบากเพคะ นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรต้องทำ”

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ทั้งสองก็ออกไปจากมิติ

หลังจากนั้นสิบห้านาที ร่างเงาสองร่างในชุดท่องราตรีก็ออกมาจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

ในอ้อมอกของเย่จิ่งอวี้ยังอุ้มไป๋เสวี่ยที่สวมเสื้อผ้าไว้ หัวสุนัขที่มีขนาดใหญ่สวมชุดที่มีหมวกคลุมเพื่อทำการซ่อนเร้น เพียงแต่อุ้งเท้าทั้งสี่ยังคงขาวสว่างราวกับหิมะ ซึ่งสะดุดตาเป็นอย่างมาก

ตอนนี้การตามหาคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จึงไม่มีเวลามาสนใจรายละเอียดเหล่านี้ เวลาเพียงสิบห้านาทีทั้งสองก็มาถึงสำนักเซียวเหยา

เย่จิ่งอวี้หยิบก้อนหินขึ้นมาสองก้อน ทุบด้านหลังศีรษะของลูกศิษย์ระดับต่ำสองคนจนล้มลง และนำไป๋เสวี่ยมายังกลางเรือน

ไป๋เสวี่ยฉลาดเป็นอย่างมาก เมื่ออุ้งเท้าทั้งสี่แตะพื้น มันก็เริ่มดมกลิ่นทั่วบริเวณและยังรู้จักการซ่อนตัวจากผู้คน

ทั้งสองตามไป๋เสวี่ยไป และคอยหลบซ่อนตลอดทาง สิบห้านาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่ไกลมากนัก เจ้าสำนักเซี่ยวเอามือไพล่หลังยื่นนิ่งอยู่บนหลังคา สายตาที่แหลมคมเฝ้ามองสำนักเซียวเหยาอย่างใกล้ชิด

หากสามารถค้นจนเจอเซี่ยวอิ๋นหวนจริงๆ เขาจะลงมือทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง

ในขณะที่เขากำลังจดจ่อสมาธิอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านหลัง

เจ้าสำนักเซี่ยวกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหลานทั้งสอง เขาจึงไม่กล้าไปไกลมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงบินวนอยู่ในอากาศและบินกลับไปยังที่เดิม

ราวกับว่าชายคนนั้นอ่านความคิดของเจ้าสำนักเซี่ยวได้ เขาจึงไปยืนอยู่บนหลังคาก่อนหนึ่งก้าว

ตูม ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน และพลังมหาศาลก็ทำให้หินของตัวบ้านแตกสลาย และทั้งคู่ก็ล้มลงกับพื้น

แม้เจ้าสำนักเซี่ยวจะมีอายุมาก แต่การตอบสนองกลับไม่เชื่องช้า เขาฟาดสองฝ่ามือขึ้นไปในอากาศติดต่อกันสองครั้ง และชายคนนั้นก็บินหลบไปอย่างว่องไว แต่ยังคงโดนฝ่ามือฟาดใส่ครั้งหนึ่ง

เขาอยู่ได้ไม่นาน และด้วยแรงฝ่ามือ เขาจึงหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งชายคนนั้นหายไปลับตา เจ้าสำนักเซี่ยวจึงกระอักเลือดที่อดกลั้นไว้นานออกมาเต็มปาก เขาโซเซอย่างรุนแรงแล้วล้มลงกับพื้น

ขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ไป๋เสวี่ยก็เห่าเสียงดังไปที่ห้องหนึ่ง

เย่จิ่งอวี้ร้อนใจในทันที พร้อมกับยกเท้าถีบประตู

ลมฝ่ามือที่ไม่รุนแรงมากนักแผดเสียงก้องมาจากด้านใน และกระทบเข้าที่หน้าอกของเย่จิ่งอวี้อย่างแม่นยำ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์