สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 739

เย่จิ่งหลานปั้นเรื่องว่า “ในสำนักของเรามีคนมากเกินไป ไม่สามารถอาศัยอยู่บนชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ได้หมด อาจารย์ของข้ามาจากที่เดียวกับเจ้าสำนักเซี่ยว จึงมาอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว”

โมริตะคาวาสึบาเมะมีสีหน้าประหลาดใจ

“เป็นเช่นนี้นี่เอง ได้ยินชื่อหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายน้อยสามารถช่วยแนะนำข้าให้เจ้าสำนักเซี่ยวได้หรือไม่”

ทว่าอดไม่ได้ที่จะสบถเสียงดังในใจ

เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กเปรตนี่คุยโม้อยู่ เมื่อวานเขาถามเรื่องนี้ที่เหลาสุราแล้ว ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ยเลย แต่ตอนนี้เขาต้องการใช้ประโยชน์จากเจ้าเด็กเปรตนี่ จึงต้องแสร้งยิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

เย่จิ่งหลานกลอกตาแล้วพูดว่า “เจ้ากับข้าเจอกันครั้งแรกเหมือนรู้จักกันมานาน ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พอดีคืนนี้ทุกสำนักต้องไปหารือในสำนักเซียวเหยาคืนนี้ ถ้าคุณชายน้อยว่าง ก็สามารถเข้าไปร่วมครึกครื้นได้”

จู่ๆ ใบหน้าของโมริตะคาวาสึบาเมะก็สว่างขึ้นด้วยความดีใจ

“เช่นนั้นก็ดีเลย”

เย่จิ่งหลานยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจ เราจะไปรวมตัวกันที่สำนักเซียวเหยา เวลานั้นข้าจะแนะนำผู้อาวุโสในยุทธจักรเหล่านั้นกับเจ้า”

โมริตะคาวาสึบาเมะประกบมือคำนับพูดว่า “ขอบคุณมาก ข้ามาที่นี่เพื่อผูกมิตรกับจอมยุทธ์ในยุทธจักร ได้รับการช่วยเหลือจากคุณชายน้อยคนนี้ นับเป็นโชคดีอย่างยิ่ง”

แล้วจึงถามว่า “แล้วคุณชายน้อยจะไปไหนรึ”

เย่จิ่งหลานพูดช้าๆ “ไปจับสัตว์ทะเล”

โมริตะคาวาสึบาเมะอยากรู้พอดีว่าที่ชายทะเลมีค่ายกลอะไร จึงพูดว่า “ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ไม่ทราบว่าจะไปกับคุณชายน้อย เปิดหูเปิดตาได้หรือไม่”

เย่จิ่งหลานหัวเราะอย่างชั่วร้าย

“แน่นอน”

ในเมื่อเขาเต็มใจที่จะติดตาม ก็ให้เขาได้ลิ้มรสอานุภาพของแหไฟฟ้า อุตส่าห์ได้จะพบกับพวกโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ ถ้าไม่เล่นด้วยสักหน่อย มิน่าเสียดายแย่หรือ

ทั้งห้าคนมาที่ชายหาด เย่จิ่งหลานขยิบตาให้หวังซุ่น ให้เขาดึงดูดความสนใจของทั้งสามคน ส่วนตัวเองกดสวิตช์ไฟฟ้า

โมริตะคาวาสึบาเมะชี้ไปที่กังหันลม แล้วถามหวังซุ่น

“ที่ตั้งตระหง่านอยู่นั่นคือสิ่งใดรึ”

หวังซุ่นตอบว่า “นี่คือกังหันลมไว้สำหรับให้ศิษย์หญิงไว้เล่น”

โมริตะคาวาสึบาเมะสับสนเล็กน้อย

“ศิษย์หญิงของพวกเจ้าที่นี่ ค่อนข้างสบายดีนะ”

เขายิ้มทันทีและพูดว่า “ไม่มีปัญหา อยู่ที่ชายหาดก็สนุกดีเหมือนกัน”

เย่จิ่งหลานตะโกน “ถ้าอย่างนั้นก็ไปข้างหน้าอีกหน่อย ด้านหน้าน่าสนใจกว่า”

โมริตะคาวาสึบาเมะบอกไปแล้วว่าตัวเองไม่เคยเห็นทะเล ดังนั้นเขาจึงต้องแสร้งทำเป็นตื่นเต้นขณะที่พาองครักษ์สองคนไปข้างหน้า

เย่จิ่งหลานตะโกนจากด้านหลัง

“เรามาแข่งเก็บปูกันดีกว่า ข้าเก็บได้อีกตัวแล้ว ว้าว นี่อีกตัวหนึ่ง”

โมริตะคาวาสึบาเมะไม่อยากเป็นที่โหล่ จึงพับขากางเกงขึ้นแล้วนั่งยองๆ กับองครักษ์สองคนมองหาปูในรอยแตกของหิน

เย่จิ่งหลานตะโกนขึ้นขณะที่เดินกลับ หวังซุ่นก็เดินตามออกไป เสียงกริ๊ก สวิตช์แหไฟฟ้าได้เปิดติดแล้ว

โมริตะคาวาสึบาเมะรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างกาย คิดในใจว่าแย่แล้ว รีบใช้กำลังเพื่อต้านทาน แต่มือและเท้ากลับเป็นเหน็บชา และตกลงไปในทะเลเสียงดังตูม

องครักษ์ทั้งสองยิ่งน่าอนาถมากกว่าเขาเสียอีก พวกเขาล้มหัวทิ่มลงไปในทะเล ดวงตากลอกขึ้น มุมปากพ่นฟองออกมา

โมริตะคาวาสึบาเมะพยายามมองย้อนกลับไป เห็นเย่จิ่งหลานนั่งยองๆ ขุดหาหอยบนฝั่ง พยายามตะโกนอย่างสุดกำลังว่า

“พี่ชาย ช่วยข้าด้วย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์