สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 744

อาซือหลานกำลังนั่งสมาธิในห้อง สองวันนี้ได้ดูดซับกำลังภายในจากเตาหลอมหญิงมามาก ต้องการเวลาในการซึมซับอีกหน่อย

เมื่อได้ยินศิษย์สำนักมารายงานว่ามีคนจากต้าหลัวเทียนต้องการพบเขา ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย มีสำนักในยุทธจักรมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินชื่อต้าหลัวเทียนมาก่อน แล้วอวี๋กงคือผู้ใดอีก

เมื่อคิดว่าระยะนี้ชื่อเสียงของสำนักเซียวเหยาไม่ค่อยดีนัก อาซือหลานจึงตัดสินใจออกไปดู

เขาวางเสื้อคลุมสีดำลง แล้วเดินออกจากห้องด้านใน

ชายชราที่อยู่หน้าประตูแต่งตัวเรียบง่าย รูปร่างไม่สูง ใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นแห่งวัยชรา

เขาเอามือไพล่หลัง มองดูป้ายของสำนักเซียวเหยาด้วยสีหน้าสงบ

ครู่ต่อมา อาซือหลานมาถึงที่ประตู ประกบมือคำนับแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็คือฉุยอวี้ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านนี้คือ...”

ชายชราเหลือบมองเขา ทันใดนั้นก็ลดเสียงลง

“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่พูดคุย”

อาซือหลานสวมหมวกสานที่คลุมด้วยผ้าโปร่งสีดำ มองไม่เห็นสีหน้าได้ ได้ยินเพียงหัวเราะแหบแห้งว่า “ผู้อาวุโสเชิญด้านใน”

บนหลังคาที่อยู่ไม่ไกล ผู้อาวุโสสวีถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พวกเจ้าเห็นฉุยอวี้สมคบคิดกับคนตงหลิวจริงๆ หรือ”

อินชิงเสวียนหยิบเครื่องส่งรับวิทยุในมือออกมา ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แน่นอน นี่เป็นของขวัญที่ได้รับจากคนแปลกหน้าที่ผู้เยาว์เจอในวัง สามารถดังฟังสิ่งที่พูดคุยข้างในได้พร้อมกัน ใช่หรือไม่ใช่ ผู้อาวุโสทุกท่านได้ฟังก็จะรู้เอง”

เฮ่ออวิ๋นทงมองดูกล่องสีดำตรงหน้าอย่างสงสัย

คิดในใจว่า ในโลกนี้มีของวิเศษเช่นนี้จริงหรือ

เว้นแต่จะมีผู้บ่มเพาะพลังผู้ยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้นคงสร้างของแบบนี้ได้ยาก หรือว่าในโลกนี้จะมีเทพเซียนจริงๆ?

ถ้าไม่เช่นนั้น จะมีของวิเศษที่ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร

เก่อหงยวนซึ่งนั่งยองๆ อยู่ข้างผู้อาวุโสสวีก็สนใจใคร่รู้เช่นกัน ก้าวไปข้างหน้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถ้อยคำประชดประชัน

“ใครจะรู้ล่ะว่าสิ่งนี้เป็นจริงหรือปลอม”

อินชิงเสวียนเมินนาง จัดการทำให้เครื่องส่งรับวิทยุเป็นฟังก์ชันแฮนด์ฟรี

ในไม่ช้าก็มีเสียงเสื้อผ้าเสียดสีดังมาจากข้างใน ซึ่งอวี๋กงได้เดินตามอาซือหลานเข้าไปในห้องรับแขกแล้ว

ศิษย์สำนักเทชาสองถ้วย อาซือหลานส่งถ้วยชาอีกหนึ่งหนึ่งให้กับชายชราที่มีนามว่าอวี๋กงด้วยตัวเอง

“ตอนนี้ท่านคงพูดได้แล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงที่ชัดเจนนี้ เจ้าสำนักเฮ่อและผู้อาวุโสอีกหลายคนก็ตกตะลึง

นี่คือเสียงของฉุยอวี้จริงๆ

เก่อหงยวนก็อ้าปากค้างด้วยสีหน้าประหลาดใจ

อินชิงเสวียนจะโชคดีขนาดนี้ได้อย่างไร ถึงกับได้ของวิเศษที่ร้ายกาจเพียงนี้ ทั้งรู้สึกอิจฉาและคันยุบยิบในใจ แต่นางก็อยากฟังสิ่งที่พูดคุยกันด้านใน จึงกลั้นลมหายใจพร้อมกับคนอื่นๆ

เย่จิ่งอวี้ได้เห็นแล้วตั้งแต่เมื่อคืน จึงไม่ได้รู้สึกอะไร ส่วนเย่จิ่งหลานกลับจิ๊ปาก ยัยเด็กบ้านี่ช่างคิดวิธีแบบนี้ออกมาได้นะ น่าเชื่อถือยิ่งกว่าเข้าไปดูซึ่งๆ หน้าอีก

แน่นอน ตราบใดที่ความคิดไม่แตกกระเจิง ย่อมมีช่องทางมากกว่าอุปสรรคเสมอ!

ในห้อง อวี๋กงรับถ้วยชาอย่างวางมาด อาซือหลานหรี่ตาลง ทันใดนั้นก็เห็นไฝสีดำขนาดเท่าเมล็ดข้าวฟ่างบนนิ้วหัวแม่มือของอวี๋กง ใจเต้นแรง

ทำไมไฝดำเม็ดนี้ถึงดูเหมือนหวังซุ่นมาก

ดวงตาคู่นั้นมองผ่านผ้าโปร่งทันที พิจารณาอย่างระมัดระวัง

อวี๋กงมองออกไปข้างนอก แล้วจู่ๆ ก็พูดเป็นภาษาตงหลิว

“เจ้าสำนักฉุย คอนนิจิวะ (สวัสดีตอนบ่าย)”

ทันใดนั้นมุมปากของอาซือหลานก็เหยียดยิ้มอย่างประชดประชัน กล้าใช้กลอุบายเช่นนี้กับเขา น่าสนใจนี่

เขาถอยหลังหนึ่งก้าว ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “เจ้าสำนักทุกคนล้วนเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาของยุทธภพ แม้ว่าพวกเจ้าต้องการใส่ร้ายข้า ก็ต้องแสดงหลักฐาน”

อวี๋กงซึ่งนอนอยู่บนพื้นก็สาปแช่งเป็นภาษาตงหลิวทันที “ฉุยอวี้ บากะ บากะยาโร่ว (โง่ ไอ้โง่)”

ผู้อาวุโสสวีพูดอย่างเย็นชา “คนผู้นี้พูดภาษาตงหลิว ฉุยอวี้ เจ้ายังกล้าปฏิเสธหรือไม่”

เก่อหงยวนดึงกระบี่ยาวออกมาทันที รอแค่ผู้อาวุโสสวีออกคำสั่ง ก็พร้อมที่จะบุกโจมตี

เสียงของฉุยอวี้สงบ ภายในปราศจากความตื่นตระหนก

“ถ้ามีคนจงใจใส่ร้ายข้า ทุกท่านจะว่าอย่างไร”

ชายชราที่มีนิสัยตรงไปตรงมาคนหนึ่งฮึดฮัด “ตอนนี้สงครามใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ใครล่ะจะว่างถึงขั้นใส่ร้ายเจ้า”

จู่ๆ ฉุยอวี้ก็ยกมือขึ้น อวี๋กงก็ถูกดึงดูดไปที่มือของฉุยอวี้ราวกับแม่เหล็ก

เขามองดูอวี๋กงช้าๆ แล้วพูดเหมือนแมวกำลังเล่นกับหนู “ระหว่างจงหยวนกับตงหลิวมีการต่อสู้หลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครจะเรียนรู้คำศัพท์สองสามคำของตงหลิวได้ จากการสังเกตของข้า บุคคลนี้ต้องสวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์อยู่แน่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นผู้ติดตามของท่านใดสักคน ทำไมเราไม่ลองดูใบหน้าที่แท้จริงของเขาดูล่ะ”

อวี๋กงตัวสั่นทันที มองไปที่เย่จิ่งหลานที่เบียดอยู่ในฝูงชนอย่างขอความช่วยเหลือ

ทำไมถึงไม่เหมือนที่วางแผนไว้ล่ะ

หน้ากากผิวหนังมนุษย์ของตัวเองคล้ายของจริงมาก แต่กลับถูกมองออกในปราดเดียว

เย่จิ่งหลานก็กังวลเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าฉุยอวี้จะมีดวงตาที่เฉียบคมเช่นนี้

ผู้อาวุโสหลายคนเคยเห็นหวังซุ่นติดตามเขาอยู่ เมื่อหน้ากากถูกเปิดเผย แม้แต่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็อาจถูกดึงเข้าไปพัวพัน

แต่ถ้าเขาพาหวังซุ่นเข้าไปในมิติตอนนี้ ฉุยอวี้จะติดเข้าไปด้วยแน่นอน

นี่แหละข้อเสียของมิติ!

เมื่อเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ร่างงามประณีตก็เหาะออกมาจากฝูงชน และซัดฝ่ามือใส่อวี๋กง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์