สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 779

อินสิงอวิ๋นพยักหน้า

เมื่อรู้ว่าน้องใหญ่ตามหาฝ่าบาทพบแล้ว เขาจึงวางใจได้อย่างแท้จริง เพียงแต่นางไปทำอะไรที่เป่ยไห่?

อินสิงอวิ๋นมีความตั้งใจอยากถาม เมื่อเห็นเย่จั้นขมวดคิ้วแน่น สายตามองไปยังที่ห่างไกล เขาก็กลืนคำพูดลงคอไป

เขาคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง และโค้งศีรษะคำนับด้วยความเคารพ

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่บอกความจริง กระหม่อมจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หากพูดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ กระหม่อมขอยอมรับความตาย”

เย่จั้นได้สติกลับมาก็ยื่นมือมาพยุงเขาลุกขึ้น

พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เจ้ามีนิสัยหนักแน่น เมื่อเจอปัญหาก็ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงยอมบอกเรื่องเหล่านี้กับเจ้า อีกทั้งเจ้ายังเป็นคนที่สนิทสนมกับฝ่าบาทและกุ้ยเฟยที่สุด เจ้ามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ที่อยู่ของพวกเขาเช่นกัน”

อินสิงอวิ๋นพูดด้วยความขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงไว้ใจ”

เย่จั้นยิ้มเล็กน้อย

“เจ้าและข้าต่างก็เป็นขุนนางร่วมราชสำนัก ไม่จำเป็นต้องพูดจาอย่างเป็นทางการหรอกนะ ข้าจะเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ เจ้าช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ไปส่งยังหอเซียวเหยาแห่งเป่ยไห่ จำไว้ว่าอย่าได้ใช้คนของจุดพักม้าเชื้อพระวงศ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล ซึ่งเป็นผลร้ายต่อฝ่าบาทและกุ้ยเฟย”

อินสิงอวิ๋นโน้มตัวแล้วพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจัดการเรื่องนี้ให้เหมาะสมที่สุด”

เย่จั้นเดินกลับมาที่โต๊ะหนังสือ และหยิบกระดาษเปล่าที่ผลิตโดยกระทรวงโยธาธิการออกมาหนึ่งแผ่น เขายกปากกาเขียนจดหมาย เมื่อเขียนเสร็จก็ใช้ครั่งประทับปิดผนึกแล้วส่งให้กับอินสิงอวิ๋น

“คิดว่าเจ้ามีเรื่องที่อยากพูดกับอินชิงเสวียนเช่นกัน เจ้าเขียนจดหมายส่งให้นางพร้อมกันก็ได้ แต่ต้องเก็บเป็นความลับอย่างดี”

การเดินทางอย่างลับๆ ของฝ่าบาทไม่ควรให้คนมีจิตใจชั่วร้ายได้รับรู้ แม้ตอนนี้สถานการณ์ในราชสำนักยังสงบอยู่ แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ

อินสิงอวิ๋นนำจดหมายยัดใส่ด้านในเสื้อด้วยความระมัดระวัง

“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง และจะหาคนที่ไว้ใจได้พ่ะย่ะค่ะ”

เย่จั้นยื่นมือออกมาตบบนไหล่ของเขาอย่างแรง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชื่อใจของเขา

อินสิงอวิ๋นประสานมือคำนับแล้วเดินจากไป ร่างที่สูงยาวหายไปท่ามกลางหิมะที่ปลิวว่อนอย่างรวดเร็ว

เย่จั้นยืนมองอยู่ที่หน้าประตู จนกระทั่งเขาหายไปในความมืด หลี่เต๋อฝูจึงพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท ควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้องหรอก คืนนี้ข้าจะอยู่ที่ห้องหนังสือ เจ้าออกไปเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ สักพัก”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เต๋อฝูแอบเหลือบมองเขา

คิดในใจว่า เหนียงเหนียงออกจากวังไปทำธุระ และนำฮ่องเต้น้อยไปด้วย ในพระราชวังจึงเงียบเหงาลงไปไม่น้อย ไม่แปลกที่ช่วงนี้ฝ่าบาทจะไม่ยิ้มออกมาเลย

พระสนมอินที่อยากออกจากวังมาโดยตลอด คงไม่ได้หอบลูกหนีไปหรอกนะ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ตบปากตัวเองอย่างแรงหนึ่งที

พวกเขาเป็นสหายกันมาหลายปี เรื่องนี้ย่อมช่วยเหลือกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเย่จิ่งอวี้ยังเป็นกำลังสำคัญในการรบอีกด้วย

เย่จิ่งอวี้รีบโน้มตัวลงแสดงความเคารพ

“ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสอง”

เฮ่ออวิ๋นทงหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ต้องพูดจาอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ พวกเจ้ารีบกลับไปดูที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เถอะ หากเหล่าเซี่ยวกลับมาแล้ว ส่งคนมาบอกพวกข้า ข้าจึงจะวางใจได้”

อินชิงเสวียนตอบกลับด้ยเสียงที่แผ่วเบา

“ขอรับ พวกเราจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองรีบพักผ่อนด้วยนะขอรับ”

“เช่นนั้นพวกข้าทั้งสองขอตัวก่อนล่ะ”

ผู้อาวุโสทั้งสองใช้วิชาตัวเบา แยกย้ายกลับไปยังสำนักของตัวเอง

อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ก็รีบกลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่เดินเข้าประตู ก็เห็นเงาสีขาววิ่งผ่านมาและกระโจนเข้าหาอินชิงเสวียน

เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมา กดศีรษะเจ้าสุนัขที่มีขนาดใหญ่

เจ้าสุนัขนี่หนักหนึ่งร้อยชั่ง อินชิงเสวียนจะรับแรงของมันไหวได้อย่างไร

เจ้าสำนักเซี่ยวและคนอื่นๆ ก็ตามมาถึงที่หน้าประตู ด้วยสีหน้าที่ซีดขาว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์