เจ้าของมือเป็นคุณชายรูปงาม อายุประมาณยี่สิบปีต้นๆ ใบหน้าราวกับหยก และหล่อเหลาอย่างยิ่ง ด้านหลังเขาเป็นเด็กรับใช้อายุสิบห้าสิบหกปี
ทั้งสองหยิบเชือกปมผูกรักขึ้นมาพร้อมกัน คุณชายผู้นั้นผลิยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “สุภาพบุรุษไม่พรากของชอบของผู้ใด ในเมื่อพี่ชายก็ชอบเช่นกัน ข้าจะไปดูอย่างอื่น”
เย่จิ่งอวี้ก็ไม่ชอบเป็นพิเศษ แค่รู้สึกว่าอุตส่าห์ได้ออกมาทั้งที อย่างไรก็ต้องซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ให้หญิงสาวบ้าง เพื่อจะได้แสดงถึงความในใจ
ขณะที่กำลังจะปล่อยมือไปเลือกของอย่างอื่น ก็ได้ยินคุณชายผู้นั้นพูดอย่างดีใจ “แม่นางอิน เจ้าก็ออกมาเดินตลาดกลางคืนเหมือนกันงั้นหรือ”
อินชิงเสวียนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเฮ่อฉางเฟิงที่นี่ นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฮ่อนี่เอง ข้ากับสามีกำลังจะไปเยี่ยมเจ้าที่โรงเตี๊ยม”
เมื่อเห็นหญิงสาวยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกหึงอยู่หน่อยๆ หลังจากได้ยินนางแนะนำเช่นนี้ ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมา
เขาประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ที่แท้ผู้นี้คือคุณชายเฮ่อที่ภรรยาข้าเอ่ยถึงมาตลอด ขอคำนับแล้ว”
เฮ่อฉางเฟิงเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ แม้ว่าจะเป็นบุรุษเช่นกัน แต่เฮ่อฉางเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมเขาในใจ
คนผู้นี้มีรูปลักษณ์หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดา เมื่อยืนกับอินชิงเสวียน ดูเหมือนเป็นคู่สรรสวรรค์สร้างอย่างแท้จริง
น่าเสียดาย ที่ตัวเองมาช้าไปหนึ่งก้าว!
ถ้าได้รู้จักแม่นางอินก่อน อาจจะ...
เฮ่อฉางเฟิงตกอยู่ในภวังค์ความคิดชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงทักทาย “ข้าน้อยเฮ่อฉางเฟิง ไม่ทราบว่าจะเรียกคุณชายว่าอย่างไร”
“ข้าแซ่เย่ เย่จิ่งอวี้”
จอมยุทธ์สันโดษในยุทธภพเหล่านี้ไม่สนใจถึงดำรงอยู่ของฮ่องเต้ ทั้งยังมีเย่จั้นนั่งอยู่ในเมืองหลวง ผู้ใดก็ไม่คาดคิดว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะปรากฏตัวที่นี่
“ที่แท้ก็พี่เย่”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้ากล่าวว่า “พี่เฮ่อพูดถูกแล้ว พวกเราจะหาที่ไหนก็ได้”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาแต่งตัวดี เสี่ยวเอ้อร์ก็รีบออกไปต้อนรับ
ทันทีที่ทั้งสามนั่งลง ก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของทุกคน โดยเฉพาะอินชิงเสวียน แม้จะแต่งหน้าเบาๆ ทว่าความงามผุดผ่องก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อย ถึงจะมีสตรีในยุทธภพมารับประทานอาหารที่นี่จำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับอินชิงเสวียนแล้ว ก็เหมือนเป็นหิ่งห้อยที่อวดแสงแข่งกับพระจันทร์อย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะถูกคนจำนวนมากมอง แต่อินชิงเสวียนยังคงพูดจาสุภาพ กิริยาท่าทางสง่า เฮ่อฉางเฟิงยิ่งรู้สึกว่าสตรีผู้นี้หาได้ยาก ถึงเป็นแค่เพื่อนกับนาง ก็ถือเป็นความโชคดีที่สุดแล้ว
ทั้งสองพูดคุยกันไปพลาง รับประทานอาหารไปพลาง พูดคุยเกี่ยวกับทุกสิ่งจากทั่วทุกมุมโลก ยากนักที่จะได้พบกับผู้รอบรู้อย่างเฮ่อฉางเฟิง เย่จิ่งอวี้จึงรู้สึกสบายอารมณ์
ส่วนอินชิงเสวียนนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นฮ่องเต้หนุ่มตาเป็นประกาย ก็รู้ว่าที่แนะนำคนผู้นี้นั้นถูกต้องแล้ว
เพียงแต่นั่งอยู่นาน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อ นางกวาดสายตามองไปรอบๆ ขณะที่หันกลับมา จู่ๆ ก็เห็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ สี่สิบปีที่กำลังนั่งอยู่มุมหนึ่ง ถือจอกสุรามองมาที่ตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...