สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 835

ไม่นานฟ้าก็สว่าง ไป๋เสวี่ยยังคงวิ่งอย่างบ้าระห่ำไปด้านหน้า

เย่จิ่งอวี้รีบตามหลังไป๋เสวี่ยไปติดๆ และเรียกชื่อของเสวียนเอ๋อร์ทุกย่างก้าวที่เดิน

แม้เขารู้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจเสียแรงไปเปล่าๆ แต่ยังคงไม่ยอมแพ้ต่อความหวังใดๆ แม้แต่น้อย

และยิ่งสำนึกแค้นใจตัวเองที่ได้ทำผิดไป

หากเขาอยู่กับเด็กสาวคนนั้นตลอดเวลา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา

เป็นเพราะเขายึดติดกับความรู้สึกของนางมากเกินไป ทั้งสองคนแบ่งปันความสุขและความเศร้าด้วยกันมานาน ประสบเรื่องราวอีกมากมาย พวกเขาควรพูดกันอย่างชัดเจนและไม่ควรสงสัยมากนัก

หากว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเด็กสาวคนนั้น เขาไม่มีทางอภัยให้ตัวเองได้ตลอดชีวิต

ระหว่างที่เย่จิ่งอวี้แค้นใจในตัวเอง ทันใดนั้นไป๋เสวี่ยก็เห่าออกมา ร่างที่ใหญ่โตกระโดดขึ้นสูงประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆ ราวกับคันศรที่ดีดออกจากธนู พุ่งตรงไปยังด้านหน้า

ผู้หญิงคนหนึ่งสวมกระโปรงสีดอกบัว วิ่งออกไปจากถนนที่มีต้นไม้เรียงรายอยู่ข้างหน้า ไป๋เสวี่ยกระโจนเข้าไปพอดี ทำให้ผู้หญิงร่างบอบบางถูกทับลงบนพื้นในทันที

“โอ๊ย!”

อินชิงเสวียนรีบวิ่งมาตลอดทาง แทบไม่คิดเลยว่าจะมีอะไรกระโดดออกมาตรงหน้า ในขณะที่กำลังจะลงมือต่อสู้ จู่ๆ ก็เห็นหัวสุนัขขนาดใหญ่ขนยาวปุกปุย

“ไป๋เสวี่ย?”

อินชิงเสวียนประหลาดใจเป็นอย่างมาก นั่งลงบนพื้น ยื่นมือไปกอดคอที่ปุกปุยของไป๋เสวี่ยเอาไว้

“เจ้าวิ่งมาที่นี่ได้อย่างไรกัน?”

ที่นี่ห่างจากเป่ยไห่ประมาณสิบลี้ได้

ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ก็ได้ยินเสียงแหบพร่าและสั่นเทิ้มพูดขึ้นมาว่า “เสวียนเอ๋อร์?”

อินชิงเสวียนเอียงศีรษะเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มองเห็นเย่จิ่งอวี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก

นางมีความมึนงงเล็กน้อย

ทั้งที่ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่ชั่วยาม กลับดูเหมือนผ่านมาเนิ่นนานแล้ว และรู้สึกเหมือนว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้ว

นางถามด้วยความลังเลว่า “อาอวี้... เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่?”

เย่จิ่งอวี้วิ่งเข้ามา และกอดร่างเล็กที่บอบบางนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมอก

“เสวียนเอ๋อร์ ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ ในที่สุดก็หาเจ้าพบแล้ว!”

เย่จิ่งอวี้ตื่นเต้นจนพูดสะเปะสะปะ พลังมหาศาลราวกับจะเอานางถูเข้าไปในร่างกาย

อินชิงเสวียนถูกรัดจนหายใจไม่ออก จึงพยายามขัดขืนเบาๆ

เย่จิ่งอวี้ปล่อยมือลงทันที สายตาของเขาตื่นตกใจเล็กน้อย

“ข้าขอโทษนะเสวียนเอ๋อร์ ข้า... ไม่รู้ว่าควรชดเชยให้เจ้าอย่างไรดี หากเสวียนเอ๋อร์อยากลงโทษข้า เจ้าพูดออกมาได้เลย ขอเพียงเจ้าไปห่างข้าไปไหน ให้ข้าทำสิ่งใด ข้ายินยอมทั้งนั้น”

เข่าคุกเข่าครึ่งหนึ่งต่อหน้าอินชิงเสวียนและก้มหน้าก้มตา ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด หางตาก็มีรอยแดงราวกับมีน้ำตารื้นอยู่

อินชิงเสวียนเพิ่งเคยเห็นเย่จิ่งอวี้เป็นแบบนี้ครั้งแรก จึงเกิดความประทับใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

จริงด้วย เขาสองคนความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกันมานานแล้ว เหตุใดต้องเกิดความหวาดระแวงมากมายเช่นนี้ด้วย!

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้เสแสร้งเป็นห่วงนาง อินชิงเสวียนสามารถมองออกได้

นางกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ และจับมือของเย่จิ่งอวี้ขึ้นมา

“ข้าเป็นคนออกมาด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องกับอาอวี้ ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลยนะ”

สัมผัสที่ละเอียดอ่อนถูกห่อหุ้มด้วยมือใหญ่ที่เย็นเล็กน้อย เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้นอย่างอดไม่ได้

เมื่อสบสายตากัน ราวกับมีบางสิ่งไหลผ่านหัวใจของพวกเขา ซึ่งเป็นความอบอุ่น

เมื่อมองใบหน้าที่ทำให้เขาคิดถึงจนนับครั้งไม่ถ้วน ลูกกระเดือกของเย่จิ่งอวี้ก็ขยับเล็กน้อย และคิดว่าหากพูดออกมาตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้อินชิงเสวียนโมโหขึ้นมาอีกครั้ง

ตอนนี้เด็กสาวคนนี้หายตัวไปทั้งคืน อวิ๋นฉ่าย จังอวี้จิ่น ยังมีท่านแม่และลูกศิษย์มากมายในสำนักที่กำลังเป็นห่วงนางอยู่ ตอนนี้ควรรีบกลับไปที่เป่ยไห่ เพื่อรายงานความปลอดภัย และค่อยๆ แก้ปัญหาของพวกเขาทั้งสองคน

เขาเอื้อมมือไปดึงอินชิงเสวียน ช่วยจัดเส้นผมที่ถูกลมพัดปลิวจนยุ่งเหยิง

“ทุกคนกำลังเป็นห่วงเจ้า พวกเรากลับเป่ยไห่กันก่อน เรื่องอื่นๆ ค่อยคุยกันทีหลัง”

“ระวัง หลับตา”

ฮั่วเทียนเฉิงรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาจึงรีบหายตัวมาขวางไว้ที่ด้านหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยว หลับตาและฟาดฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้ง

เจ้าสำนักเซี่ยวเคยได้ยินวิชาเนตรมาจากคู่สามีภรรยาตัวน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่วเทียนเฉิง เขาจึงรีบหลับตาในทันที

เมื่อทั้งสองลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง โมริตะคาวาสึบาเมะก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

“หรือว่าผู้ที่ใช้วิชาเนตรก็คือเขา?”

เจ้าสำนักเซี่ยวขมวดคิ้วที่ขาวโพลนและถามขึ้น

ฮั่วเทียนเฉิงพูดอย่างแน่วแน่ว่า “เป็นเขาอย่างแท้จริง ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ผิดไปอย่างแน่นอน”

เขาชะงักไปและพูดขึ้นว่า “วันนั้นข้าเคยช่วยชีวิตคู่สามีภรรยาที่อยู่ในเมือง คู่ต่อสู้ในตอนนั้นก็คือเขา แม้ว่าข้าจะใช้ผ้าปิดตาทั้งสองข้าง แต่กลิ่นกายของชายคนนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้”

เจ้าสำนักเซี่ยวตกใจและถามว่า “คู่สามีภรรยาที่ยังเด็กอยู่ใช่หรือไม่?”

“ขอรับ ทั้งสองคนเรียกได้ว่าชายเก่งหญิงงาม ราวกับเด็กรับใช้ชายหญิงของเซียนเทพ ทำให้คนยากที่จะลืมเลือน”

เมื่อคิดถึงใบหน้าทั้งสองในตอนนี้ ฮั่วเทียนเฉิงยังรู้สึกว่าพวกเขาสมบูรณ์แบบมากจริงๆ ราวกับคนที่อยู่ในภาพวาดแบบนั้นเลย

เจ้าสำนักเซี่ยวรีบเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว และประสานมือคำนับ

“ที่แท้ผู้ที่ช่วยชีวิตหลานชายและหลานสะใภ้ของข้าไว้ในวันนั้น ก็คือท่านอัศวินพเนจรผู้นี้นี่เอง ข้าเสียมารยาทแล้วจริงๆ”

ฮั่วเทียนเฉิงก็มีความประหลาดใจเล็กน้อย

“คู่สามีภรรยาเป็นญาติพี่น้องของสำนักงั้นหรือ? เช่นนั้นคนคนนี้เป็นอะไรในสำนักขอรับ?”

เจ้าสำนักเซี่ยวลูบเคราแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ยืดยาวมากเลยทีเดียว พวกเรากลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อนดีกว่า ไปดื่มเหล้าในแก้วที่ยังดื่มไม่หมด ถือว่าข้าไถ่โทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ จะได้เล่าเรื่องอย่างละเอียด ดีหรือไม่?”

ฮั่วเทียนเฉิงพูดด้วยความยินดี “เช่นนั้นก็ดีขอรับ”

เขาทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยวเมื่อครู่ และบังเอิญพบสองสามี๓รรยาที่กลับเข้าเมืองพอดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์