วันถัดไป
เสียงหัวเราะของเสี่ยวหนานเฟิงปลุกอินชิงเสวียนให้ตื่น
เมื่อลุกขึ้นจากเตียง ก็เห็นสองพ่อลูกกระโดดเล่นบนเตียงทันที
เย่จิ่งอวี้ก็กระโดดขึ้นลงบนเตียงเหมือนเด็กตัวใหญ่ เสี่ยวหนานเฟิงถูกเขย่าจนล้มหงายหลัง อ้าปากหัวเราะไม่หยุด
อินชิงเสวียนยกมุมปากยิ้มอย่างอดไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าฮ่องเต้หนุ่มจะมีด้านที่เป็นเด็กเช่นนี้ ผู้ชายเป็นเด็กเสมอ คำพูดนี้ว่าไว้ไม่มีผิดเลย”
นางแปรงผม สวมรองเท้า แล้วเดินลงพื้น
“พวกเจ้าตื่นนานแล้วหรือ”
เย่จิ่งอวี้หยุดทันที
“พวกเราปลุกเสวียนเอ๋อร์หรือเปล่า”
อินชิงเสวียนเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนร้านค้าสะสมคะแนน ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงแล้ว
“เปล่า สายป่านนี้แล้ว ถ้าข้ายังไม่ตื่น คงกลายเป็นหมู”
เย่จิ่งอวี้ก้มลงอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา ทันทีที่ดีดปลายเท้า คนก็มาอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียนแล้ว
“ในโลกนี้มีหมูที่น่ารักเหมือนเสวียนเอ๋อร์ด้วยหรือ ถ้ามี ข้าอยากจะเลี้ยงไว้สักตัว”
“เชอะ ไม่สนใจท่านแล้ว”
อินชิงเสวียนร้องเชอะ แล้วนึกในใจ จากนั้นทั้งหมดก็ออกมาอยู่ในห้อง
บนโต๊ะมีกับข้าวสี่อย่างและโจ๊กสองชาม
ตอนนี้ยังร้อนๆ อยู่ ดูเหมือนว่าเพิ่งถูกส่งมาไม่นานนี้เอง
“อาอวี้กินก่อนสิ ข้าจะไปหาอะไรให้จ้าวเอ๋อร์กิน”
“ข้ายังไม่หิว เราไปด้วยกันเถอะ”
เย่จิ่งอวี้รับเสี่ยวหนานเฟิง มองดูอินชิงเสวียนที่ต้มไข่ ลวกเส้น และค่อยๆ เป่าให้เย็นลง ทั้งหมดล้วนทำอย่างคล่องแคล่ว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความสงบสุขของชีวิต
เมื่ออินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเย่จิ่งอวี้มองตัวเองด้วยรอยยิ้มมุมปาก จึงแหวอย่างอดไม่ได้ “มองข้าแบบนั้นทำไมรึ”
เย่จิ่งอวี้โอบแขนรอบเอวของนาง กดใบหน้าแนบกับหน้าท้องอันอ่อนนุ่มของนาง
“การได้รู้จักกับเสวียนเอ๋อร์ในวันนี้ ถือเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของข้า”
เสี่ยวหนานเฟิงเลียนแบบท่าทางของเขาทันที อ้าแขนโอบกอดอินชิงเสวียน
พูดเสียงเจื้อยแจ้ว “ลูกก็สุขๆ”
เมื่อมองดูคนตัวเล็กคนตัวโต อินชิงเสวียนก็อดยิ้มไม่ได้
นางยื่นมือออกมาลูบหัวกลมๆ ของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เอาล่ะ เรามามีความสุขด้วยกัน ตอนนี้ถึงเวลากินข้าวแล้ว จ้าวเอ๋อร์นั่งลงเร็ว”
เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง นั่งห้อยขาบนเก้าอี้ผ้า
“กินข้าวข้าว”
เจ้าเด็กอ้วนพึมพำอะไรบางอย่างเบาๆ แล้วอ้าปากเล็กๆ เหมือนนกรออาหาร
อินชิงเสวียนเป่าอย่างระมัดระวัง แล้วป้อนให้เขา
เสี่ยวหนานเฟิงกินทีละคำ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กินข้าวบดใส่ไข่แดงหมดไปชามหนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่จิ่งอวี้เห็นเสี่ยวหนานเฟิงกินข้าว
“จ้าวเอ๋อกินเก่งจริงๆ จะไม่แน่นท้องแย่หรือ”
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “จ้าวเอ๋อร์กินข้าวหมดชามได้นานแล้ว ครึ่งชั่วยามหลังจากนี้ยังจะกินผลไม้เพิ่มอีก”
เย่จิ่งอวี้ตกใจมาก แต่เมื่อเห็นท่าทางแข็งแรงของลูกชาย ก็รู้สึกโล่งใจ
อินชิงเสวียนลูบหน้าอกเล็กๆ ที่อวบอ้วนของเสี่ยวหนานเฟิงเบาๆ เพื่อช่วยย่อย จากนั้นก็อุ้มเจ้าเด็กน้อยไปที่เตียง แล้วส่งรถของเล่นให้เล่นคนเดียว
ทั้งสองกินอาหารเช้าแบบเรียบง่าย จากนั้นพาเสี่ยวหนานเฟิงออกไปเดินเล่น เมื่อมาถึงลานบ้าน ก็เห็นเป่าเล่อเอ่อร์นั่งอยู่ในศาลาทันที
สีหน้าของนางดูดีขึ้นมาก แต่ท่าทางยังดูหดหู่อยู่บ้าง
อินสิงอวิ๋นยืนอยู่ข้างหลังนาง อยู่ข้างๆ อย่างเงียบงัน หนุ่มหล่อหญิงสวยอยู่ในฉากเดียวกันนั้น งดงามราวกับภาพวาดที่ไม่มีใครตัดใจทำลายได้
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เป่าเล่อเอ่อร์ก็มองมาทางนี้ทันที
“ชิงเสวียน!”
นางรู้ว่าอยู่ที่นี่เรียกกุ้ยเฟยไม่ได้ ต้องเรียกตามชื่อของนาง
เสี่ยวหนานเฟิงวิ่งไปหาอินสิงอวิ๋น แล้วตะโกนเสียงนุ่มนิ่ม
ถามอย่างระมัดระวัง “ได้จริงๆ หรือ”
“แน่นอน เราไปกันเถอะ”
เป่าเล่อเอ่อร์พยักหน้าแรงๆ แล้วเดินตามอินชิงเสวียนออกจากประตู
หลังจากที่ทั้งสองจากไป อินสิงอวิ๋นก็ไอแห้งๆ
“ไม่ทราบว่าคุณชายเย่ต้องการให้ข้าน้อยทำงานอะไรให้หรือไม่”
เย่จิ่งอวี้รู้ว่าเขาไม่รู้จักใครเลย อยู่ที่นี่คงอึดอัดมาก จึงพูดว่า “ถ้าสิงอวิ๋นไม่รู้จะไปไหน งั้นก็ไปลาดตระเวนในเมืองกับข้าสิ”
“ดียิ่งนัก”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน อินชิงเสวียนและเป่าเล่อเอ่อร์ก็มาถึงตลาดแล้ว
นี่เป็นทางที่ต้องผ่านหากจะไปชายทะเล ที่นี่มีคนหนาแน่นทุกวัน
อินชิงเสวียนถือโอกาสพาเป่าเล่อเอ่อร์เดินดูรอบๆ
เมื่อได้เห็นของเล่นง่ายๆ เหล่านี้ เป่าเล่อเอ่อร์ก็รู้สึกดีขึ้นมาก
ซึ่งอินชิงเสวียนก็ไม่ตระหนี่กับพี่สะใภ้ของตัวเองอยู่แล้ว นางใช้เงินหนึ่งร้อยตำลึงซื้อสร้อยมุกให้นาง
เป่าเล่อเอ่อร์ได้รับแล้วก็ดีใจมาก กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เกรงใจอะไรกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน มาเถอะ ข้าจะช่วยใส่ให้เจ้า”
เป่าเล่อเอ่อร์ก้มศีรษะอย่างมีความสุข เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย นางสะดุ้งโหยงทันที
“มีอะไรหรือ”
ครั้นมองตามสายตาของเป่าเล่อเอ่อร์ อินชิงเสวียนก็เห็นเฟิงเอ้อร์เหนียงยืนอยู่ไม่ไกลทันที
ดวงตามืดลงทันที
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ หรือจะลักพาตัวใครอีก?”
เฟิงเอ้อร์เหนียงเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม พูดด้วยใบหน้าอบอุ่นว่า “แม่นางอินเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาที่เป่ยไห่เพื่อความครื้นเครงเท่านั้น จะลักพาตัวใครได้อย่างไร อีกอย่างพี่หญิงยังไม่เคยทำร้ายสาวน้อยคนนี้ ทำไมพอพบหน้า ต้องมองตาขวางด้วย?”
อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าไม่สนว่าเจ้ามีแผนอะไร ทางที่ดีห้ามทำอะไรคนของข้าอีก ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...