เมื่อสบตากัน เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเวียนหัวทันที
ดูเหมือนว่าทั้งคนจะตกอยู่ในมโนภาพอีกครั้ง ฉากนองเลือดนับไม่ถ้วนแวบออกมา หัวใจเต้นแรงอย่างคุมไม่ได้
อินชิงเสวียนกะพริบตายิ้ม
“อาอวี้ มีอะไรหรือ”
เย่จิ่งอวี้รู้สึกตัวขึ้นมาทันที
“ม่ะ ไม่มีอะไร”
อินชิงเสวียนเอียงคอมองเขา ด้วยสายตาขี้เล่นคู่นั้นของหญิงสาว
“หรือว่าข้าโคจรลมปราณไม่ถูกต้อง?”
เย่จิ่งอวี้วางนิ้วลงบนชีพจรของอินชิงเสวียน เส้นลมปราณของหญิงสาวนั้นราบรื่น ไม่มีอะไรผิดปกติ
“ไม่มี เสวียนเอ๋อร์ทำถูกแล้ว”
เย่จิ่งอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “เสวียนเอ๋อร์เคยฝึกฝนวรยุทธ์แบบอื่นหรือไม่”
อินชิงเสวียนส่ายหัว
“ไม่มีนะ ทำไมอาอวี้ถามแบบนั้น”
“เมื่อครู่ข้าเห็นแสงสีม่วงลอยวนอยู่บนฝ่ามือของเจ้า มันไม่ใช่วิทยายุทธ์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ถึงได้ถามเช่นนั้น”
สำหรับดวงตาของอินชิงเสวียนนั้น เย่จิ่งอวี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
ความรู้สึกนั้นคล้ายกับตอนที่มองตาของเถียนเซินหลินมาก แต่ก็แน่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวจะเรียนรู้วรยุทธ์ของเขา
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่เรียนเพลงยุทธ์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่อาอวี้สอนข้าเท่านั้น ไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนอื่นเลย”
แต่ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจและมีความสุข
หากนางเดาถูก นี่น่าจะเป็นทักษะที่ได้จากช่วงชิงโชคลาภ
ไม่คาดคิดว่าจะสามารถรับเอาวรยุทธ์และทักษะความสามารถของคู่ต่อสู้ได้จริงๆ
ก่อนหน้านี้ตอนที่ใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภ อินชิงเสวียนก็มีความรู้สึกนั้นแล้ว แต่ยังคิดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าการนั่งสมาธิในวันนี้ จะสามารถแสดงทักษะเหล่านี้ได้ทั้งหมด
สิ่งที่นางต้องทำตอนนี้คือใช้เวลาตรวจสอบทักษะเหล่านี้ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถใช้ประโยชน์เพื่อตัวเองได้อย่างแท้จริง
“พลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์และทำนองเพลงส่งเสริมกัน หากเสวียนเอ๋อร์สามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์ได้ดี วันหน้าเมื่อบรรเลงพิณการเวกต้องได้ผลคุ้มค่าแน่นอน”
เสียงของเย่จิ่งอวี้ดึงอินชิงเสวียนออกจากห้วงความคิดของนาง นางพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ข้าจะตั้งใจฝึกฝนให้หนัก”
ฮั่วเทียนเฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “เด็กคนนี้มีคุณสมบัติธรรมดาเกินไป ขนาดข้ายังไม่เชื่อ เจ้าตำหนักจะเชื่อได้อย่างไร ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่ามีความคิดที่แปลกประหลาดเลย”
“โอรสทั้งเก้าตนของพญามังกรล้วนแตกต่างกัน เฮ่อยวนมีลูกชายคนเดียว ถ้าจะต่างจากพ่อของเขาบ้าง ก็ไม่น่าแปลกหรอก”
น้ำเสียงแข็งกร้าวของฉุยอวี้ ทำให้ฮั่วเทียนเฉิงรู้สึกไม่พอใจ
เฟิงเอ้อร์เหนียงรีบไกล่เกลี่ย
“ศิษย์พี่ฉุยพูดถูก ศิษย์พี่ฮั่วก็ไม่อยากเห็นพี่หญิงใหญ่ต้องทนทุกข์ทรมานแน่ๆ ทำไมไม่ช่วยเราในครั้งนี้ล่ะ ถึงอย่างไรฉางเฮิ่นเทียนก็มาจากอิ๋นเฉิง อาจสามารถหาวิธีแก้ปัญหาด้านวรยุทธ์ของอิ๋นเฉิงจากเขาได้”
คำพูดของเฟิงเอ้อร์เหนียง ทำให้สีหน้าของฮั่วเทียนเฉิงอ่อนลงเล็กน้อย
“แม้ว่าข้าจะเต็มใจช่วยพวกเจ้า แต่ตอนนี้ก็กลับไปไม่ได้ ขอไม่ปิดบังพวกเจ้านะ ที่ข้าลงเขาคราวนี้ ก็เพื่อค้นหาพลังวิญญาณที่ปรากฏในเป่ยไห่เป็นหลัก ตอนนี้ข้าได้พบผู้ที่มีพลังวิญญาณนั้นแล้ว ถ้ากลับไปที่ตำหนักเทพ จะต้องพานางกลับไปด้วย”
เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เว้นแต่ว่า พวกเจ้าจะยินดีช่วยข้า”
ฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงมองหน้ากัน
“พลังวิญญาณ? คนที่ท่านพูดถึงคือใคร”
ฮั่วเทียนเฉิงพูดเน้นทีละคำ
“อินชิงเสวียน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...