สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 874

เลือดพุ่งกระฉูดออกมา ใบหน้าของจักรพรรดิเปลี่ยนเป็นสีซีดในฉับพลัน โดยไม่อาจต้านทานได้เลย ได้แต่มองดูเลือดของตัวเองไหลทะลักออกจากร่างปานกระแสน้ำ

โมริตะคาวาสึบาเมะเก็บมีดออกอย่างคล่องแคล่วว่องไว หยิบกระปุกเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ แล้วรองเอาเลือดอย่างสบายใจเฉิบ จากนั้นเทลงในร่องบนกำแพงหิน

หลังจากผ่านไปสามอึดใจ ก็มีเสียงก้อนหินกระทบดังขึ้นในถ้ำ

โมริตะคาวาสึบาเมะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น กำลังจะมาแล้ว

ในที่สุดห้องลับสุดท้ายก็กำลังจะเปิดออก

หากได้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสูงสุด เขาก็สามารถลบคำสบประมาท และบดขยี้ไอ้แก่พวกนั้นที่เคยเนรเทศเขามาที่นี่ ให้พวกนั้นตายด้วยน้ำมือของเขา

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ โมริตะคาวาสึบาเมะก็เงยหน้าขึ้น ส่งเสียงหัวเราะเสียดแก้วหูดังสะท้าน

ในเวลานี้ มีก้อนหินก้อนหนึ่งตกลงมาจากเหนือศีรษะ

โมริตะคาวาสึบาเมะเบี่ยงตัวหลบ จากนั้นหินก้อนที่สองและสามก็ตามมา ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนส่งเสียงดังกึกก้อง

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

หรือว่าเลือดยังไม่พอ?

เขาเอื้อมมือออกไปหิ้วร่างของจักรพรรดิที่จวนเจียนจะตายขึ้นมา บดขยี้ร่างของเขากับหินอย่างแรงจนเป็นรอย ทันใดนั้นจักรพรรดิก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับเป็ดถูกเชือด

ในเวลาเดียวกัน ถ้ำก็สั่นสะเทือนมากขึ้นเรื่อยๆ ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากเพดาน มีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏบนกำแพงภูเขาทั้งหมด ดูไม่เหมือนการเปิดห้องลับเลย แต่ดูเหมือนจะพังถล่มลงมากกว่า

ดวงตาของโมริตะคาวาสึบาเมะฉายแววขุ่นขึ้ง แต่ยังคงมีความหวังอันริบหรี่ ถ้าหลังจากที่ภูเขาสั่นสะเทือนแล้วปรากฏว่ามีห้องลับจริงๆ ล่ะ?

เขาวางแผนมานานหลายปี ย่อมไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ เป็นธรรมดา

เขากระโดดขึ้นเตะก้อนหินออกไปหลายก้อน แต่ยังคงยืนอยู่หน้ากำแพงนั้น

ในเวลานี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงกระหึ่มดังมาจากเหนือศีรษะ

หินก้อนใหญ่ขนาดเท่าบ้านได้ตกลงมาจากข้างบน โมริตะคาวาสึบาเมะตกใจ รีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหลบไปที่อื่น แล้วก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนแสบแก้วหูดังขึ้น ซึ่งจักรพรรดิได้ถูกหินก้อนใหญ่บดร่างจนเละเป็นโจ๊ก

จากนั้นก็มีเสียงคำรณอีกครั้ง กำแพงหินที่อยู่ข้างๆ แตกร้าว จนเผยให้เห็นลำแสงจากดวงอาทิตย์สาดทอลงมา

กำลังจะพังทลายแล้วจริงๆ

เมื่อเห็นว่ามีก้อนหินมากขึ้นเรื่อยๆ โมริตะคาวาสึบาเมะก็ไม่ทันได้คิดถึงเรื่องอื่น เขาใช้วิชาตัวเบาทะยานออกจากถ้ำทันที

ระหว่างทางมีก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนหล่นโครมครามลงมาจากด้านบน โมริตะคาวาสึบาเมะเหาะขึ้นใช้ทั้งหมัดทั้งเตะ ทุบก้อนหินออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย ในใจก็พอจะเข้าใจอะไรมาบ้าง

เจ้าเฒ่านั่นคงหลอกตระกูลโมริตะ บางทีเขาอาจจะติดตั้งค่ายกลไว้ที่นี่นานแล้ว ต้องการที่จะทำลายคนทั้งเกาะ

หาไม่แล้ว คงไม่ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องมาที่นี่ทั้งตระกูล?

แต่ในใจก็รู้สึกหงุดหงิด บางทีสิ่งที่เขาพูดอาจเป็นจริง เพราะผู้ที่มาที่นี่มีเขาและจักรพรรดิเพียงสองคน ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้

น่าเสียดายที่ตาแก่นั่นถูกทรมานตายไปแล้ว เขาหมายถึงอะไรกันแน่นั้น ก็ยังไม่ชัดเจน

ขณะที่กำลังคิดอยู่ โมริตะคาวาสึบาเมะก็วิ่งออกจากถ้ำไปแล้ว

เสียงกัมปนาทดังก้อง ทั้งถ้ำพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ วิชาพิสดารและมรดกตกทอดทั้งหมดล้วนถูกฝังอยู่ใต้ก้อนหินเหล่า

ทั้งผู้หญิงทั้งเด็กหลายคนพอได้ยินเสียงดังกล่าวก็เร่งรุดกันเข้ามา ต่างคุกเข่าร้องไห้ไม่หยุด

“นี่ต้องเป็นการลงโทษจากสวรรค์”

“คงเป็นการทำนายว่าศึกครั้งนี้ต้องมีผลลัพธ์ที่ไม่ดีแน่ๆ”

“ฮือๆ สามีและลูกของข้า”

เสียงร้องไห้เหมือนจะกลายเป็นโรคติดต่อ เพียงครู่เดียวคนเหล่านั้นก็ร้องประสานเสียงกัน

โมริตะคาวาสึบาเมะเห็นแล้วก็รำคาญ ซัดฝ่ามือตูมๆ ส่งคนเหล่านี้ไปปรโลก

เขามองไปยังผืนแผ่นดินที่กลายเป็นซากเมือง หวังดีหมายจะให้คนขุดขึ้นมา แต่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีเพียงเด็กและสตรี ซึ่งใช้การไม่ได้เลย

ตอนนี้ทำได้แค่ไปที่จงหยวนเพื่อจับชายฉกรรจ์เหล่านั้นมา

ในเมื่อตาเฒ่าพวกนั้นสามารถส่งเขามาที่นี่ได้ เขาก็สามารถไปจับคนจากจงหยวนได้เช่นกัน

เย่จิ่งอวี้ถามอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

อินชิงเสวียนพูดอย่างอ่อนโยน “เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นทุกวัน ฉะนั้นไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องหนึ่งๆ กับปรากฏการณ์ดวงดาวได้ เว้นแต่จะเห็นเมฆแผ่นดินไหว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัว”

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว

“เมฆแผ่นดินไหวคืออะไร”

อินชิงเสวียนอธิบายเกร็ดความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง “เป็นเมฆที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติสามารถพยากรณ์การเกิดแผ่นดินไหวได้ โดยทั่วไปจะเห็นเมฆชนิดนี้ได้ยาก หากปรากฏขึ้น อาจเกิดแผ่นดินไหวได้”

“แผ่นดินไหวที่เสวียนเอ๋อร์พูดถึง ก็คือมังกรดินพลิกกายงั้นหรือ”

อินชิงเสวียนหัวเราะคิก

ตอนที่ยังเป็นเด็กก็ได้ยินเรื่องนี้จากคุณย่าคุณยายในหมู่บ้าน บอกว่ามีมังกรเขียวตัวใหญ่อาศัยอยู่ใจกลางโลก เมื่อใดก็ตามที่มันต้องการพลิกกาย ภูเขาจะถล่มแผ่นดินจะพังทลาย

ในเวลานั้นอินชิงเสวียนก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ ต่อมาเมื่อไปโรงเรียนถึงได้รู้ว่า ในโลกนี้จะมีมังกรได้อย่างไร ที่เล่ากันมาก็เป็นเพียงคำพูดของผู้ใหญ่ที่ใช้หลอกเด็กเท่านั้น

“นั่นมันเป็นเรื่องโกหก ถ้ามีเวลา ข้าจะบรรยายความรู้เรื่องภูมิศาสตร์ให้อาอวี้ฟัง ท่านก็จะเข้าใจว่ามันแปลว่าอะไรแล้ว อย่าคิดมากเด็ดขาด ยิ่งอย่าให้สุริยุปราคาส่งผลต่ออารมณ์และวิจารณญาณของท่าน”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็มองดูหยกเย็นบนคอของเย่จิ่งอวี้อีกครั้ง

มีสิ่งนี้อยู่ น่าจะสามารถปรับสภาพจิตใจของเขาให้มั่นคงได้

แม้ว่าตู้เยี่ยนจะตายไปแล้ว แต่การปลูกฝังโลหิตของเขายังคงอยู่ ไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเย่จิ่งอวี้หรือไม่

หลังจากที่จูอวี้เหยียนตายไป พวกเขาก็ไม่สามารถกำจัดพิษกู่ในร่างกายได้เช่นกัน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะขจัดหนอนกู่ไม่เป็น การควบคุมเย่จิ่งอวี้ยิ่งทำไม่ได้ใหญ่ แต่การมีหนอนอยู่ในร่างกายก็ไม่ใช่เรื่องดี

ดูเหมือนว่าต้องหาเวลากำจัดเจ้าสองตัวนั้นออกไปหน่อยแล้ว

ขณะที่กำลังจะถามเย่จิ่งอวี้ว่าเขาคิดอย่างไร ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแหลมสูงของแตรดังมาแต่ไกล

ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ศัตรูบุกโจมตี!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์