สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 876

“ถึงยามที่ต้องเด็ดขาดกลับไม่เด็ดขาด จะต้องวุ่นวายแน่ๆ เจ้ายังลังเลอะไรอยู่”

ซึ่งคนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉุยอวี้

ฮั่วเทียนเฉิงต้องการตอบโต้ แต่ก็สายเกินไปแล้ว

เขาไม่คาดคิดว่าเฟิงเอ้อร์เหนียงผู้อ่อนโยนจะวางยาลงในเหล้าของเขา จนตกหลุมพรางฉุยอวี้ทันที

ฉุยอวี้หยิบถุงผ้าสีดำออกมา แล้วครอบใส่ศีรษะของฮั่วเทียนเฉิง

กระซิบ “ไปเร็ว”

ทุกคนไปที่ชายฝั่งเป่ยไห่ ไม่มีใครสนใจเหลาสุราเล็กๆ แห่งนี้ ทั้งสองใช้ท่าร่างเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ากลับไปที่สำนักเซียวเหยา

ศิษย์ทั้งหมดถูกส่งออกรับมือพวกตงหลิว นอกเหนือจากทั้งสามคนแล้ว คนเดียวที่เหลืออยู่ในสำนักเซียวเหยาคือฉางเฮิ่นเทียนที่ถูกจี้สกัดจุด

มองดูฮั่วเทียนเฉิงที่ถูกโยนลงพื้น เฟิงเอ้อร์เหนียงขมวดคิ้วและถามว่า “ควรทำอย่างไรต่อไปดี เราจะจากไปแบบนี้หรือ เจ้าจะพาคนไปช่วยพี่หญิงใหญ่ที่ตำหนักเทพไม่ใช่หรือ จะปล่อยไปทั้งแบบนี้งั้นหรือ”

ฉุยอวี้พูดด้วยสีหน้าสงบ “ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ต้องส่งพวกเขาทั้งสองกลับไปที่ตำหนักเทพก่อน ถ้าฮั่วเทียนเฉิงฟื้นขึ้นมา ต้องออกจากภูเขามาตามหาเราอย่างแน่นอน สามารถยืดเวลาที่เขาจะตามหาตัวชิงเสวียนให้ล่าช้าออกไปได้อีก”

นางหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “สำหรับตำหนักเทพ ข้ามีแผนอื่น ในไม่ช้าเหล่าจอมยุทธ์ผู้กล้าในยุทธจักรจะไปที่นั่น”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้นางก็ยิ้มเยาะ

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าตำหนักจะกล้าฆ่าคนเหล่านี้ทั้งหมด ถ้าเขาทำเช่นนั้นจริง อิ๋นเฉิงจะไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน”

เฟิงเอ้อร์เหนียงอดถามไม่ได้ “เจ้าจะใช้วิธีอะไรกันแน่”

ฉุยอวี้พูดอย่างใจเย็น “เรื่องนี้เจ้ายังไม่จำเป็นต้องรู้ หลังจากส่งทั้งสองคนกลับไปที่ตำหนักเทพแล้ว เจ้าก็รีบหาที่ซ่อนตัวทันที ส่วนที่เหลือข้าจะจัดการเอง”

เฟิงเอ้อร์เหนียงพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่ได้ พวกเราสองคนหลบหนีออกจากตำหนักเทพด้วย ข้ายอมให้เจ้าต้านทานเพียงลำพังไม่ได้”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉุยอวี้พลันฉายแววอบอุ่น

“ที่เจ้าสามารถพูดคำนี้ได้ ก็ไม่ผิดต่อความเป็นพี่น้องของเราแล้ว เจ้าเดินกับข้ามามากพอแล้ว เส้นทางที่เหลือคือทางแห่งการชดใช้ แค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”

“พี่หญิงใหญ่ไม่เคยตำหนิเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย”

เมื่อมองไปที่ฉุยอวี้ที่ดูเหนื่อยล้า ดวงตาของเฟิงเอ้อร์เหนียงก็ฉายแววเจ็บปวดเสียใจ

ตอนนั้นพวกนางไร้เดียงสาเกินไป ต่างดีใจที่เห็นพี่หญิงใหญ่ได้พบสามีที่สมใจ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผลที่ตามมาร้ายแรงเพียงนี้

จากมุมมองของพวกนาง ทั้งสองสำนักแข่งขันกันด้านวรรณกรรมมาโดยตลอด ไม่คาดคิดว่าเจ้าตำหนักจะมีความขุ่นเคืองต่ออิ๋นเฉิงอย่างลึกซึ้งเช่นนี้

หากนางเดาไม่ผิด ผู้ที่เป็นเจ้าภาพในการประลองยุทธ์ครั้งนี้ น่าจะเป็นตำหนักเทพหอทองคำ และถ้าเฮ่อยวนรู้เรื่องผาเฟิงเริ่น ไม่รู้ว่าเขาจะทำหน้าอย่างไร

“เรื่องอื่นอย่าเพิ่งพูดอะไรมาก เจ้าจับตาดูสองคนนี้ไว้ก่อน ข้าจะไปตรวจสอบสถานการณ์ที่ชายฝั่ง หากการต่อสู้ครั้งนี้สามารถชนะได้ อินชิงเสวียนก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในเป่ยไห่อีกแล้ว”

ฉุยอวี้ขังทั้งสองคนไว้ในห้องลับ จากนั้นใช้วิชาตัวเบาเหาะออกจากสำนักเซียวเหยา

ไม่ว่าอย่างไรอินชิงเสวียนก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนปรารถนาดีต่อนางอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ แถมยังเป็นคนจากสำนักเซียวเหยาที่นางดูถูกมากที่สุด

ยิ่งไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่า เจ้าของร่างเดิมจะมีประวัติชีวิตที่พิลึกพิลั่นขนาดนี้ ถึงขั้นเกี่ยวข้องกับสองสำนักใหญ่เร้นลับที่ลึกลับมากที่สุดในยุทธจักรอีกด้วย

ในเวลานี้ นางได้มาถึงฝั่งแล้ว

ในทะเลยังมีคนจำนวนมากที่บุกขึ้นมายังเป่ยไห่อย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าแหไฟฟ้าในทะเลจะสามารถหยุดยังคนได้มากมาย แต่สำหรับยอดฝีมือที่แท้จริง กระแสไฟฟ้าในปัจจุบัน ยังไม่เพียงพอที่จะเอาชีวิตพวกเขาได้

แต่ในชั่วพริบตา ผีแคระตงหลิวจำนวนมากก็ปีนขึ้นไปบนชายฝั่งราวกับกุ้งกระโดด

ในช่วงเวลาที่มายังเป่ยไห่ ภายใต้การแนะนำของเจ้าสำนักเซี่ยวทำให้วรยุทธ์ของเย่จิ่งอวี้มีความก้าวหน้าอย่างมาก หากต้องโต้กลับ คงเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอย่างมากแน่ๆ

เย่จิ่งอวี้หันกลับมาด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องห่วง ข้าสบายดีทุกอย่าง”

เขาได้รับผลกระทบจากเสียงกระพรวนจริง เมื่อใดก็ตามที่เขาปวดหัว หยกเย็นที่คอจะส่งความเย็นออกมา เพื่อหักล้างความเจ็บปวดในหัวของเขา

อินชิงเสวียนพยักหน้า ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับว่าเลือดจะส่งผลต่อเย่จิ่งอวี้หรือไม่ หากเขาสามารถต้านทานความเย้ายวนของเลือดได้ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น นางจะพาเย่จิ่งอวี้เข้าไปในมิติทันที

เหตุผลที่ไม่นำพิณการเวกออกมาในเวลานี้ ก็เพราะว่ารอให้คนเหล่านั้นขึ้นฝั่งทั้งหมดก่อน

คราวนี้ต้องทำให้แน่ใจว่าผีแคระเหล่านี้จะไม่กลับมาอีก ยุติสงครามนี้โดยสิ้นเชิง

การเข่นฆ่าโรมรันที่สู้จนสุดชีวิตได้เปิดฉากขึ้นแล้ว ศิษย์ในสำนักต่างวิ่งไปหาคนตงหลิวราวกับลูกคลื่น

ในบรรดาคนเหล่านี้ เก่อหงยวนซึ่งแต่งกายด้วยชุดสีแดงองอาจกล้าหาญ ยืนโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน

ข้างหลังนางเป็นกลุ่มศิษย์ของสำนักเทียนหยวน หลังจากการฝึกซ้อมหลายครั้ง คนเหล่านี้ก็รู้ลู่ทางเป็นอย่างดี เพียงครู่เดียวก็เข้าต่อสู้กับผีแคระตงหลิวเหล่านั้น

ทางด้านเจ้าสำนักเซี่ยวและผู้อาวุโสสวียังไม่ได้ลงมือต่อสู้ ทั้งสองยืนข้างๆ กันบนที่สูง มองหาคู่ต่อสู้ที่สามารถเทียบเคียงตัวเองได้ ยังคอยเป็นกำลังเสริมให้ผู้เยาว์เหล่านี้ ไม่ว่าที่ไหนถูกโอบล้อม ทั้งสองก็จะเร่งรุดไปยังที่แห่งนั้น

เพียงชั่วครู่มีเสียงกรีดร้องดังระลม เลือดสดๆ กระเซ็นไปทั่ว

เมื่อเห็นเลือดสีแดงสด แสงสีแดงสองดวงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเย่จิ่งอวี้ หลังจากนั้นไม่นานก็ค่อยๆ จางหายไป

“พวกเขามากันเยอะแล้ว เสวียนเอ๋อร์ ลงมือเถอะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์