“สำนักทั้งหมดจะไปจากเป่ยไห่ อาศัยแค่เจ้ากับหวังซุ่น จะทำลายตงหลิวได้อย่างไร”
อินชิงเสวียนถามพลางขมวดคิ้ว
นางสามารถเข้าใจความรู้สึกของเย่จิ่งหลานได้ นางเองก็เป็นเยาวชนผู้เคียดแค้นเช่นกัน เพียงแต่มีบุคลากรไม่เพียงพอ แล้วนางจะวางใจได้อย่างไร
เย่จิ่งหลานพูดช้าๆ “ด้วยค่าตอบแทนสูงๆ ต้องมีผู้กล้าหาญแน่นอน จอมยุทธ์ในเป่ยไห่ทุกคนใช่ว่าจะเป็นยอดฝีมือในสำนักต่างๆ เสียหมด ยังมีจอมยุทธ์พเนจรอีก คนเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่ข้าจะรับสมัคร”
“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”
อินชิงเสวียนถามอีกครั้ง
เย่จิ่งหลานพยักหน้าอย่างมั่นคง
“แน่นอน ข้าสาบานกับตัวเองแล้ว หากทำลายตงหลิวไม่ได้ จะไม่กลับเมืองหลวงอีก!”
เมื่อเห็นความดื้อรั้นในดวงตาของเขา อินชิงเสวียนก็รู้ว่านางไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้
“ถ้าเจ้าตัดสินใจจริงๆ ข้าจะให้ความช่วยเหลือกับเจ้าอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่จำเป็นสำหรับการต่อเรือ อาหารที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไกล หรืออาวุธเหล็ก ข้าก็สามารถให้เจ้าได้ แต่ว่า เจ้าต้องสัญญากับข้าเรื่องหนึ่ง”
เย่จิ่งหลานมองไปด้านข้างแล้วถามว่า “เรื่องใด”
อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกมา แล้วกดไหล่ของเขาอย่างแรง
พูดเน้นทีละคำ “เจ้าต้องมีชีวิตกลับมา ไม่เช่นนั้น ถึงข้าตายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป”
ดวงตาทั้งสองคู่สบตากัน เย่จิ่งหลานมองเห็นความไม่เต็มใจและความกังวลในดวงตาของอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ
นี่เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ด้วยปากกาหรือน้ำหมึก ต่างเป็นทั้งเพื่อนสนิท เป็นหุ้นส่วน และคนที่ขาดใครไปไม่ได้
“ให้เด็กอายุไม่กี่ขวบไปที่เกาะตงหลิว จะเหมือนเด็กเล่นขายของไปหน่อยกระมัง แค่จิ่งหลานไร้สาระคนเดียวก็ช่างเถอะ แต่นี่ทำไมเสวียนเอ๋อร์ถึงฟังเขาล่ะ”
การเดินทางมายังเป่ยไห่คราวนี้ ทำให้เย่จิ่งอวี้ใกล้ชิดกับน้องชายคนนี้มากขึ้น ตอนนี้ชีวิตนี้ของเขา ก็เหลือพวกเขาที่เป็นพี่ชายน้องชายสองคนพี่น้องแล้ว เย่จิ่งอวี้ย่อมไม่อยากให้น้องชายคนนี้เป็นอันตราย
อินชิงเสวียนพูดพลางจดบันทึกสิ่งของที่ยังขาด “นี่คือการตัดสินใจของเขา ข้าแค่เคารพการตัดสินใจเท่านั้น และข้าเชื่อว่าเขาสามารถทำได้”
คิ้วของเย่จิ่งอวี้ขมวดขึ้นอีกเล็กน้อย
“ทักษะวรยุทธ์ของจิ่งหลานนั้นอยู่ในระดับปานกลาง แถมอายุยังน้อย ถ้าชาวยุทธ์พวกนั้นมีใจคิดเป็นอื่นจะทำอย่างไร หากเขาต้องการไปที่เกาะตงหลิวจริงๆ ต้องพาองครักษ์เงาไปด้วย ถึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของเขาได้”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงกังวานปานระฆังของเจ้าสำนักเซี่ยวก็ดังมาจากประตู
“องครักษ์เงาจะทำอะไรได้ ข้าตัดสินใจส่งศิษย์ห้าสิบคนออกทะเลไปกับเย่จิ่งหลาน เรื่องความปลอดภัยของเขา พวกเจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว นอกจากนี้สำนักอื่นๆ ยังได้ส่งคนมาจำนวนหนึ่งด้วย คราวนี้ ต้องทำลายล้างพวกชาติชั่ว เพื่อปลอบขวัญเหล่าวีรบุรุษได้แน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...