สามวันต่อมา อินชิงเสวียนก็ออกเดินทางกลับไปยังเมืองหลวง
สำหรับค่าอาหาร เครื่องดื่ม และชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ล้วนทิ้งไว้เหลือเฟือ จนตอนนี้อินชิงเสวียนกลายเป็นคนจนแล้ว อาหารส่วนใหญ่ในมิติก็นำออกมามากกว่าครึ่ง และยังมีคะแนนเหลือเพียงไม่กี่พันเท่านั้น เพื่อสนับสนุนความฝันของเย่จิ่งหลาน คราวนี้นางใช้ทรัพย์สินของครอบครัวไปแทบหมดจริงๆ
ช่วงนี้ไม่มีเหตุบังเอิญอะไร คะแนนสะสมในมิติได้รับมาจากการปลูกพืชเท่านั้น เป็นเรื่องยากมากที่จะหาเงินเลี้ยงชีพได้ ถ้าขืนอยู่ต่ออีกสองสามวัน คงถูกเย่จิ่งหลานปล้นจนไม่เหลืออะไรแน่
แม้ว่าเมล็ดพันธุ์ในมิติจะเติบโตได้ภายในไม่กี่วัน แต่เปลี่ยนจากความหรูหราไปสู่ความประหยัดเป็นเรื่องยาก เคยชินกับการเห็นคะแนนนับหมื่น แต่พอมองดูคะแนนไม่กี่ร้อยในตอนนี้ ก็ยากจะทนดูได้จริงๆ
เสียดายก็แต่ว่าในมิติไม่มีเสียงเตือนใดๆ จากระบบเลย แม้ว่าอินชิงเสวียนอยากจะลองดู แต่ก็ไม่รู้ทิศทาง จึงต้องหลบหนีในเวลากลางคืน
บนภูเขาสูง เย่จิ่งหลานคาบบุหรี่ไว้ในปาก มองดูรถม้าที่มองเห็นได้เลือนลางในตอนกลางคืน แล้วถอนหายใจเบาๆ
“ความเศร้าที่พรากจากเป็นเฉกเช่นวัชพืชยามวสันต์ ยิ่งไปไกลยิ่งงอกงาม!”
หวังซุ่นที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้น “คำนี้หมายความว่าอย่างไร”
เขาไม่เข้าใจ แต่คิดว่าฟังดูใช้ได้เลย
เย่จิ่งหลานโยนก้นบุหรี่ทิ้งไป
“บอกเจ้าก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง กลับเถอะ”
บนยอดเขาอีกแห่งหนึ่ง มีต่งจื่ออวี๋และเก่อหงยวนยืนอยู่
“พวกเขาไปแล้วจริงๆ!”
เก่อหงยวนรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย
พูดตามตรง นางยังคงรู้สึกชื่นชมอินชิงเสวียนมาก
นางเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เหมือนกับนกยูงผู้แสนเย่อหยิ่ง คนที่สามารถทำให้นางชื่นชมได้มีไม่มาก
สายตาของต่งจื่ออวี๋ยังคงตัดใจไม่ลง
“ใช่ หากมีโอกาส ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขาที่เมืองหลวง”
“จริงรึ”
ดวงตาของเก่อหงยวนสว่างวาบขึ้นทันที
“แน่นอน เรากลับกันเถอะ!”
ในเวลาเดียวกัน ฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงก็มาถึงที่ภูเขาสูงตระหง่านอีกด้านหนึ่ง
ข้างหลังเขาฮั่วเทียนเฉิงและฉางเฮิ่นเทียนที่ถูกจี้สกัดจุดไว้
“ปล่อยคนไว้ที่นี่จะดีหรือ”
เฟิงเอ้อร์เหนียงเลิกคิ้ว นางทุ่มเทใช้ความพยายามมากมายในการสร้างสิ่งนี้
“ข้าย่อมมีแผนอื่นอยู่แล้ว”
ฉุยอวี้ซัดฝ่ามือทำลายค่ายกลผนึกภูเขาออกด้วยฝ่ามือเดียว แล้วโยนทั้งสองคนเข้าไปในค่ายกลและมุ่งหน้าลงจากภูเขาโดยไม่หันกลับมามอง
เฟิงเอ้อร์เหนียงมองย้อนกลับไปที่ยอดเขาที่นางไม่สามารถมองเห็นยอดเขาได้ในทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจยาว และใช้วิชาตัวเบาตามฉุยอวี้ไปติดๆ
หลังจากที่ทั้งสองจากไป ฮั่วเทียนเฉิงก็ลืมตาขึ้น
เขามีทักษะวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม การจี้สกัดจุดของฉุยอวี้ไม่สามารถควบคุมเขาได้นาน
เหตุผลที่เขาเอาแต่แกล้งสลบ ก็เพราะไม่อยากฆ่าฟันกันเอง
แม้ว่าเขาจะบอกว่าต้องการนำทั้งสองคนกลับไปที่สำนัก แต่ก็ยังตัดใจไม่ลง
โชคดีที่เขาจับคนจากอิ๋นเฉิงได้ และพบแหล่งที่มาของพลังวิญญาณ ดังนั้นการเดินทางลงเขาครั้งนี้จึงไม่ไร้ผลเสียทีเดียว
หากเจ้าตำหนักยืนกรานที่จะตามหาอินชิงเสวียน อย่างมากเขาก็มาที่เป่ยไห่อีกครั้ง หรือตรงไปที่ภูเขาอวิ๋นฉีได้เลย
หลังจากขยับมือและเท้าแล้ว ฮั่วเทียนเฉิงก็กระโดดขึ้นจากพื้น หิ้วตัวฉางเฮิ่นเทียนขึ้นมา และใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นไปด้านบน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...