อินจ้งตัวสั่นตัวสั่นเทิ้ม น้ำชาไหลหยดออกมาจากมือ
“นาง ตายแล้วจริงๆ หรือ”
“ตายแล้ว”
อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ “จูอวี้เหยียนก่อกรรมทำชั่ว จิตสำนึกสูญสิ้น ท่านพ่อคงรู้ว่ากู่ในร่างกายพี่ใหญ่เป็นฝีมือของนาง เป่าเล่อเอ่อร์ก็เช่นเดียวกัน ตัวหายนะแบบนี้ ท่านพ่อยังรู้สึกเสียใจเพราะนางอยู่งั้นหรือ”
หลังจากถามประโยคสุดท้าย อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปหน่อย เจ้าของร่างเดิมดูแลย่าอย่างดี แต่ตัวเองกลับพูดกับพ่อของนางเช่นนี้ จึงอดรู้สึกผิดไม่ได้
ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ก็ได้ยินอินสิงอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงจงเกลียดจงชัง “น้องหญิงใหญ่พูดถูก คนเลวทรามเช่นนาง สมควรตายไปตั้งนานแล้ว ถึงฮ่องเต้จะไม่ลงมือ ข้าก็จะชำระสะสางให้ตระกูลอินเอง”
อินจ้งเงียบอยู่นาน จากนั้นถอนหายใจยาว
“พ่อมิใช่คนที่ไม่แยกแยะผิดถูก ยังรู้ด้วยว่าจูอวี้เหยียนก่อกรรมทำชั่วมากมาย เอาเถอะ ทั้งหมดนี้เป็นเวรกรรมที่นางก่อขึ้นเอง ในเมื่อนางเป็นคนปลูกต้น ก็สมควรต้องรับผลร้ายที่ตามมา พ่อพยายามเต็มที่แล้ว แม้ว่าต้องไปพบกันในปรโลก ก็ไม่มีอะไรต้องละอายใจ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่อินจ้งพูด อินชิงเสวียนก็พ่นลมหายใจออก กระแสเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนลง
“ท่านพ่อคิดแบบนี้ได้ ลูกก็วางใจเจ้าค่ะ ยามนี้ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ต่อไปนี้ พวกเราทั้งครอบครัวก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
อินชิงเสวียนพูดจบก็หันไปหาซูหมิงหลาน
“ได้ยินจากพี่ใหญ่ว่ากิจการการค้าของร้านเราดีมาก ท่านแม่รองคงพะวักพะวนอยู่มากกระมัง ในเป่ยไห่ยังมีสงครามอีก มีของดีไม่มากจริงๆ ข้าซื้อจี้มุกมาแค่บางส่วนเท่านั้น ไม่ทราบว่าท่านแม่รองจะชอบหรือไม่”
อวิ๋นฉ่ายกระวีกระวาดหยิบไข่มุกและปะการังที่อินชิงเสวียนซื้อออกมาทันที
เมื่อครู่กำลังพูดถึงเรื่องสำคัญอยู่ แต่ซูหมิงหลานไม่ได้พูดอะไร นางเป็นสตรีที่รู้จักขอบเขตและรู้สถานการณ์ภาพรวม ย่อมรู้จักหนักเบาเป็นธรรมดา
ตอนนี้เมื่อเห็นอินชิงเสวียนจะเอาของออกมา จึงพูดอย่างใจดี “พวกเจ้าเดินทางไปคราวนี้ก็เพื่อทำงานสำคัญ แต่กลับแบ่งความสนใจมาคิดถึงแม่รองด้วย แม่รองละอายใจจริงๆ ที่บ้านเรียบร้อยดีทุกอย่าง ที่ร้านค้าก็มีคนมาซื้อของเต็มร้านทุกวัน เรื่องบัญชีเหล่านั้น ข้าก็จดบันทึกไว้ทุกรายการ เดี๋ยวจะให้คนนำมาให้เจ้าตรวจสอบ”
ความโชคร้ายทั้งหมดได้ผ่านไปแล้ว และทุกวันในยามนี้คือการเริ่มต้นใหม่!
ในตอนเย็นครอบครัวได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ต่างพูดคุยหัวเราะครื้นเครงกันในระหว่างรับประทานอาหารค่ำ ซึ่งคึกคักมีชีวิตชีวาเหมือนกับวันตรุษจีน
ในพระราชวัง
เย่จิ่งอวี้สองอาหลานนั่งตรงข้ามกันในตำหนักเฉิงเทียน ต่างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
เมื่อได้รู้ว่าผักที่ปลูกในเรือนกระจกนั้นเพียงพอสำหรับคนในเมืองหลวง เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“หากสามารถส่งเสริมไปทั่วแคว้นได้ แม้ในฤดูหนาวราษฎรทุกคนก็สามารถกินผักสดได้ ที่เสวียนเอ๋อร์เคลื่อนไหวเช่นนี้ ถือเป็นคนแรกที่ทำผลงานได้”
เย่จั้นยิ้มและพูดว่า “กุ้ยเฟยฉลาดโดดเด่นเหนือคนจริงๆ ยามนี้มีการเพาะปลูกครั้งใหม่แล้ว ในฤดูใบไม้ร่วงนี้การดำรงชีวิตของราษฎรจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เป็นความโชคดีของตระกูลเย่จริงๆ ที่ฮ่องเต้มีภรรยาที่ดีเช่นนี้ ยังเป็นความโชคดีของราษฎรในใต้หล้านี้ด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...