“เสวียนเอ๋อร์ในวันนี้ ช่างงดงามจริงๆ!”
เย่จิ่งอวี้จับมือเล็กที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของอินชิงเสวียน พร้อมกล่าวชื่นชมอย่างจริงใจ
อินชิงเสวียนชายตาที่สดใสมองด้วยความซุกซน
“ฝ่าบาทก็เช่นกันนะเพคะ!”
เมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาที่ครึ่งหนึ่งถูกซ่อนไว้ใต้ลูกปัดโมรา อินชิงเสวียนก็ยิ้มหวานออกมา
“นี่ถือว่ากำลังชมข้าหรือไม่?”
เย่จิ่งอวี้ก้มหน้าถาม สายตาก็กวาดตามองไปทั่วใบหน้าเล็กที่งดงามอย่างอดไม่ได้
อินชิงเสวียนในวันนี้ราวกับพระจันทร์อันสุกสว่างที่แขวนอยู่บนสุดของท้องฟ้า สุกใสเป็นประกาย มีกิริยาท่าทางที่เรียบร้อย งดงามจนผู้คนไม่อาจละสายตาได้
อินชิงเสวียนเม้มปากยิ้ม
“แน่นอนเพคะ”
“เช่นนั้นก็ขอบใจมาก”
เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือมาอุ้มอินชิงเสวียน และก้าวเท้ายาวเดินออกไปนอกวัง
อินชิงเสวียนร้องด้วยความตกใจ จึงคว้าคอเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว
“ระยะทางแค่นี้ หม่อมฉันเดินเองได้เพคะ”
“ชุดพวกนี้หนักเกินไป ข้าทำใจไม่ได้หรอก”
เย่จิ่งอวี้เดินตัวเบาราวกับสายลม และขึ้นไปบนพระที่นั่งจักรพรรดิ
อินชิงเสวียนนั่งพิงบนเบาะนุ่มด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย นิ้วของนางพันกันโดยไม่รู้ตัว นางมีความกังวลเล็กน้อยสำหรับงานใหญ่เช่นนี้
“อีกสักครู่... หม่อมฉันต้องพูดอะไรไหมเพคะ?”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มแล้วพูดว่า “ตื่นเต้นมากงั้นหรือ? นี่ยังเป็นเสวียนเอ๋อร์ของข้าที่ไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใดหรือไม่? ตอนที่อยู่ในเป่ยไห่ ข้าไม่เคยเห็นเจ้าแสดงสีหน้าเช่นนี้มาก่อน”
อินชิงเสวียนกลอกตาใส่เขาอย่างตำหนิ และพูดเสียงเบาว่า “คนละเรื่องกันเลย อาอวี้ยังไม่ได้ตอบข้าเลยนะ อีกเดี๋ยวข้าต้องพูดอะไรหรือไม่ เผื่อข้าพูดสิ่งใดผิดไป จะเป็นเรื่องน่าอายต่อหน้าผู้คน”
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปโอบนางมาด้านหน้า พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เสวียนเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เพียงรับราชโองการก็พอแล้ว”
อินชิงเสวียนถอนหายใจออกมา
“เช่นนั้นก็ดีเพคะ”
จากนั้นก็พูดอีกว่า “อ้อ จริงสิ อีกสักครู่ข้าอยากให้เสี่ยวอานจื่อถ่ายรูปพวกเราสักใบ ข้าอยากส่งให้ซูฉ่ายเวย อาอวี้คงไม่คัดค้านใช่หรือไม่”
“ไม่แน่นอน แต่ถ่ายที่ตำหนักจินหลวนไม่ได้นะ หากขุนนางใหญ่เหล่านั้นเห็นเจ้าถือกล้องโพลารอยด์ จะพากันตื่นตกใจไปใหญ่”
“เพคะ เช่นนั้นพวกเราลงจากรถม้าเร็วหน่อย ยังคงทันเวลาใช่ไหมเพคะ?”
เสี่ยวอานจื่อตอบรับและจากไป ต่อให้เขาไม่ไปที่จวนซู พระราชพิธีสำคัญแบบนี้ก็ไม่มีหน้าที่สำหรับเขา
เย่จิ่งอวี้พยักหน้ายิ้ม อุ้มอินชิงเสวียนขึ้นพระที่นั่งมังกรอีกครั้ง ขบวนคนมุ่งหน้าไปยังตำหนักจินหลวนอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
สำหรับราชวงศ์ พิธีแต่งตั้งฮองเฮามีความสำคัญอย่างยิ่งและไม่อาจละเลยได้ สำหรับประชาชนทั่วไป นี่เป็นวันเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ฝ่าบาทได้ประกาศพระราชโองการ พระราชทานอภัยโทษและส่งควไปแจกอาหารแห้งยังเมืองต่างๆ ภาษีถูกลดไปสามขั้น เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ประชาชนต่างดีอกดีใจในทันที โรงเตี๊ยมหรือโรงน้ำชาต่างพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
ณ โรงน้ำชาเก่าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง มีคนสองคนนั่งอยู่
คนหนึ่งมีหนวดเคราและผมสีขาว ผมของเขารวบเป็นมวย และสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ซึ่งทำให้เขาดูราวกับเป็นเซียนเทพอมตะ
ด้านข้างของเขามีชายหนุ่มหน้าตาธรรมดานั่งอยู่
ทั้งสองสั่งชาหนึ่งเหยือก และดื่มอย่างไม่รีบร้อน
เมื่อดื่มชาหมดแก้ว ผู้อาวุโสคนนั้นก็พูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย
“ฉางเฮิ่นเทียน อินชิงเสวียนที่เจ้าพูดถึง คือฮองเฮาที่ได้รับการแต่งตั้งวันนี้ใช่หรือไม่?”
ผู้น้อยตอบด้วยความนอบน้อม “ผู้เยาว์ไม่กล้าปิดบังผู้อาวุโสหัน เป็นนางจริงๆ ขอรับ ผู้ชายสกุลเย่ก็คือเย่จิ่งอวี้ จักรพรรดิองค์ใหม่ของต้าโจว”
ผู้อาวุโสหันกวาดสายตามองเขาอย่างนิ่งเฉย
“หากเจ้ากล้าพูดโกหก ข้าจะหักกระดูกเจ้าและเผาทำลายให้เป็นผุยผง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...