-หลายวันต่อมา-
ฉันกลับมาถึงกรุงเทพในคืนวันอาทิตย์ด้วยสภาพ...โทรม! โทรมและไม่ได้เจอทะเลเลยเพราะวันเสาร์ทั้งวันออสตินไม่ยอมให้ฉันออกจากห้องพอวันอาทิตย์ฉันก็เลยนอนหมดสภาพในโรงแรม ยังดีที่ลากสังขารมาสนามบินได้
“หน้ามุ่ยเชียว ไม่สนุกเหรอที่รัก” ออสตินเดินข้างฉันแล้วก็ถามหลังจากที่เราเอากระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
“สนุกกับผีน่ะสิ” ฉันตอบเขาไปแต่ไม่มองหน้า เกลียดมัน เกลียดไอ้หื่นนี่ แยกกันกลับตรงนี้เลยได้ไหม
“เดี๋ยวพาไปใหม่น่า” ออสตินเดินมาโอบไหล่ฉันไว้แล้วบอกออกมา เหอะ! ไปก็เหมือนเดิมเชื่อเถอะ
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
เสียงโทรศัพท์ของออสตินดังขึ้น เขาหันมามองหน้าฉันเล็กน้อยแล้วยิ้มให้
“ที่รักไปรอบนรถก่อนนะ สตาร์ทรถรอเลย คุยธุระแป๊บนึงเดี๋ยวตามไป” เขาบอกให้ฉันขึ้นไปรอบนรถแล้วก็เลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์ทิ้งให้ฉันมองตามด้วยความสงสัยว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นใคร
2 วันที่ไปเที่ยวจะมีคนโทรหาเขาบ่อยแถมยังคุยกันเป็นเวลานาน และทุกครั้งออสตินก็จะเลี่ยงออกไปคุยที่อื่นเพื่อไม่ให้ฉันได้ยินตลอด บางเวลาก็หันมามองที่ฉันเหมือนกลัวว่าฉันจะเดินเข้าไปใกล้แล้วได้ยินสิ่งที่เขากำลังคุย
อ้อ! มันมีครั้งหนึ่งที่มีคนส่งข้อความเข้ามาฉันเห็นเขานั่งตอบอยู่ราวๆ 10 นาที ฉันเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวก็เลยแอบเข้าไปดูตอนที่ออสตินอาบน้ำ แต่มันกลับไม่มีอะไรเลยไม่มีรายชื่อผู้สนทนาล่าสุด จนฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่เขาคุยด้วยเป็นใคร ทำไมต้องหลบซ่อนขนาดนี้
- คอนโดมินตรา-
ตอนนี้ฉันมาถึงคอนโดเรียบร้อยแล้ว ส่วนออสตินก็กลับไปที่คอนโดเขาเพราะพรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ที่จริงเขาก็ไม่ยอมหรอกจะค้างกับฉันท่าเดียวแต่ฉันไม่ยอมหรอกค่ะไม่งั้นคงตื่นไปทำงานไม่ไหวหรอก
ตื๊ดดดดด ตื้ดดดด
“ฮัลโหล” ฉันกดรับสายเพื่อนตุ๊ดที่โทรมาเวลานี้
“เฮลโหล~ ลูกสาว~”
“ว่าไงคะคุณแม่” ฉันตอบรับมันไป
“ไปเที่ยวกับผัวสนุกไหมคะ”
“ก็สนุก...มั้ง” ฉันตอบอ้อมแอ้มออกไปเพราะมีบางอย่างที่ยังติดค้างในใจฉัน และมันทำให้ฉันอึกอัดอยู่ตอนนี้
“เอ้า ยังไงคะ ทะเลาะกันเหรอ เหลาไหม”
“เฮ้อ! ไม่ได้ทะเลาะหรอกมึง ก็โอเคทุกอย่างแต่มันมีบางอย่างที่กูรู้สึกแปลกๆ”
“มึงพร้อมเล่าไหม ไม่พร้อมไม่เป็นไรนะ” อีแมนนี่เงียบไปนิดหนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“มันเหมือนมีอะไรที่ออสตินปิดบังกูอยู่ กูกับออสตินอยู่ด้วยกันตลอดแต่พอมีคนโทรมาหาเขาชอบเลี่ยงออกไปคุยไม่ให้กูได้ยินอ่ะมึง ยังงี้มันปกติไหมวะ” ฉันตัดสินใจเล่าให้มันฟังเพราะไม่รู้จะเอาไปปรึกษาใคร
“อาจจะเรื่องงานที่มันเครียดไม่อยากให้มึงหมดสนุกก็ได้ อย่าคิดมากสิมึง”
“แต่มันมีก่อนหน้านั้นนะแมน เมื่อสองวันก่อนที่เราปาร์ตี้กันเช้ามาก็ปล่อยให้กูอยู่คนเดียวแล้วรีบออกจากห้องตั้งแต่ 6 โมงเช้า”
“มันไปทำธุระสำคัญอะไรรึเปล่า” แมนนี่พยายามหาเหตุผลขึ้นมาฉันว่ามันก็คงเริ่มตงิดๆ แล้วล่ะ แต่คงไม่อยากให้ฉันคิดมาก
“อืม บอกกูว่าไปจัดการหนี้สินให้ใครบางคน แต่ไม่บอกว่าใคร”
“เอ่อ...ไม่กล้าออกความเห็นว่ะ รอดูไปก่อนไหม อย่าเพิ่งใจร้อนมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” เห็นไหม แค่แมนนี่พูดมาแบบนี้ฉันก็มั่นใจแล้วว่าฉันไม่ได้คิดไปเองคนเดียว เหอะ! ดีแตกแล้วมั้ง
“เคมึง กูก็รอดูอยู่เหมือนกัน”
“ดีแล้วลูกสาว มีไรโทรหากูได้ตลอด มึงพักซะกุไม่กวนแล้ว”
“เคมึง ขอบคุณมากนะ” ฉันตอบแมนนี่ก่อนที่จะวางสาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจหลุดออกไปได้เลย
“ฮัลโหล มินตราค่ะ”
“รับสายที่ทำงานได้แต่รับสายผัวไม่ได้มันคืออะไรมินตรา” ออสติน! เป็นออสตินที่โทรเข้ามาและน้ำเสียงของเขาตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงกำลังอารมณ์ไม่ดี ถึงขั้นไม่ดีมากๆ แน่นอน
“มีอะไรค่อยคุยนะ ตอนนี้เวลาทำงาน” ฉันกระซิบตอบเขาไปเบา ๆ กลัวคนอื่นจะได้ยิน
“มาที่ลานจอดรถหลังตึกเดี๋ยวนี้”
“ตอนนี้เวลาทำงานนะออสติน”
“ลงมาเดี๋ยวนี้มินตรา ไม่งั้นก็เจอกันข้างบนเลือกเอา” ออสตินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“อืม” ฉันตอบเขาก่อนที่จะวางสายแล้วเดินออกไปเจอเขา
“นายมีอะไรมาหาถึงที่ทำงาน” ฉันเดินมาถึงก็เห็นเขายืนพิงรถอยู่เลยเอ่ยทักเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุดเพื่อเลี่ยงการทะเลาะ พอออสตินได้ยินเสียงฉันเขาก็รีบหมุนตัวมาทันที
“ฉันต้องถามเธอมากกว่าว่าเป็นอะไรทำไมไม่รับสายไม่ติดต่อกลับ” ออสตินจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง
“ไม่มีอะไร แค่เหนื่อย ๆ ก็เลยหลับสนิท ปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ด้วย”
“แล้วตอนเช้าเธอไม่ดูโทรศัพท์เลยเหรอ ออกมาทำงานเป็นชั่วโมงเธอไม่กดเช็คโทรศัพท์บ้างเลยรึไง อย่าบอกนะว่าไม่เพราะฉันไม่เชื่อ เป็นอะไรก็พูดมาตรงๆ สิวะ!” ออสตินพูดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ
“บอกว่าไม่เป็นอะไรไงออสติน!” ฉันตอบกลับเขาไปด้วยเสียงที่เริ่มดังขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
“หึ! เชื่อยากว่ะมิน ทำไมวะมินมีอะไรทำไมไม่พูดกันตรง ๆ ฉันไปทำอะไรให้เธอโกรธหรือไม่พอใจ บอกมาสิฉันจะปรับตัวให้” ออสตินพูดแล้วก็กำมือแน่นจนเส้นเลือดที่มือเขามันปูดขึ้นจนน่ากลัว
“ไม่หรอกนายทำมันไม่ได้หรอกติน นายก็ยังเป็นนายอยู่วันยังค่ำ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้วขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะ มีประชุม” ฉันบอกเขาแล้วก็หันหลังเดินออกมาทันที ออสตินเองก็ไม่ได้รั้งฉันเอาไว้ ฉันได้ยินแค่ประโยคเดียวที่ดังออกมาจากเขา
“โธ่โว้ย! กูพยายามเป็นคนดีแล้ว พยายามเปลี่ยนตัวเองแล้วมันยังไม่พออีกเหรอวะ แม่งเอ้ย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: SO BAD เพื่อนสนิทร้ายซ่อนรัก