หลังจากเดินมาประมาณ 10 กว่าจั้ง ก็เห็นคราบเลือดจางๆตรงพื้น เมิ่งอู่ปัดใบข้าวฟ่างบนพื้นจึงปรากฏผู้ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดนอนกองอยู่ตรงนั้น
ที่แท้นางสังเกตเห็นนานแล้ว
เขาเคลื่อนไหวยากลำบากราวกับว่าเป็นมนุษย์เลือด มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่สามารถค่อยๆขยับเขยื้อน จากนั้นเขาก็ยกเปลือกตาขึ้นมองเมิ่งอู่
เมิ่งอู่กับเขาสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ค่อยๆโกยใบข้าวฟ่างกลับมาคลุมเขาไว้ หันหลังกลับพร้อมเดินจากไปราวกับว่าไม่ได้พบเห็นสิ่งใดเลย
เสียงไอดังขึ้นสองครั้งจากข้างหลัง อินเหิงกล่าวว่า: "ในเมื่อเจ้าเห็นแล้วแท้ๆ"
เมิ่งอู่กล่าวว่า: "ข้ามองไม่เห็น"
"ข้ากำลังจะตาย"
เมิ่งอู่: "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย"
อินเหิงเงียบลง แล้วกล่าวว่า: "เจ้าไม่ต้องการดูว่าข้ามีรูปร่างลักษณะเช่นใดรึ?"
เมื่อเมิ่งอู่ได้ยินดังนั้นถึงกับหยุดเดิน
ต้องบอกว่าประโยคนี้กระตุ้นความสนใจของเมิ่งอู่ได้สำเร็จจริงๆ......อย่างไรก็ตาม ความเชื่อในชีวิตของนางคือ——มองคนที่ใบหน้าก่อน
อินเหิงกล่าวอีกว่า: "ไม่แน่ว่าหน้าตาอาจจะไม่เลว"
นางหันกลับมาดูมนุษย์เลือดใต้ใบไม้สีเขียวผู้นี้อีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด ไม่ได้สัมผัสถึงความงามเอาเสียเลย
เมิ่งอู่เลยถามว่า: “เจ้าเอาความมั่นใจมาจากที่ใด?”
ก็ตามนั้น นางยอมรับว่านางค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
อินเหิงหลอกล่อนางทีละขั้นว่า: "เจ้าสามารถมาทดสอบได้ด้วยตนเอง"
ขณะที่นางจัดการกับหวังสี่ซุ่น เขานอนฟังอยู่ตรงนี้ตลอด คำพูดของเมิ่งอู่นั้นไม่สามารถแยกออกจากความงามและความอัปลักษณ์ได้ คงเพราะเป็นผู้ที่ใส่ใจเรื่องหน้าตาเป็นสำคัญ
ดังนั้นเขาพูดสองประโยคก็สามารถจับจุดสำคัญของนางได้
เมิ่งอู่ก็ดูออกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หากยังคงถูกทิ้งไว้ที่นี่โดยไม่มีผู้ใดเหลียวแล คงไม่สามารถอยู่รอดภายในสองวันนี้ไปได้
แม้ว่านางจะมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ถนัดในขณะนี้ แต่ทว่าเขามีดวงตาสีอ่อน แม้ว่าจะเย็นชาและเฉยเมยไปบ้าง ก็ยังคงงดงามอย่างยิ่ง
จากนั้นเมิ่งอู่ก็เดินไปหาเขาอีกครั้งและกล่าวว่า: "เห็นแก่ดวงตาคู่นี้ที่ดูดีไม่น้อยของเจ้า ข้าจะพาเจ้าไปล้างหน้าซะก่อน"
ความหมายนี้ของนางเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า หากหลังจากล้างหน้าแล้วปรากฏว่าเขาหน้าตาไม่เลว อาจจะดูแลเขาสักหน่อย หากไม่เป็นดั่งใจหวัง นางก็จะไม่สนใจเป็นแน่
อินเหิงพูดไม่ออก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ของเขาต้องอาศัยใบหน้าเพื่อเป็นการช่วยชีวิตตนเอง
แต่ในเวลานี้นอกจากทำตามคำพูดของนาง ก็ไม่มีทางอื่นใดที่จะทำให้ออกไปจากสถานการณ์นี้ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เมิ่งอู่เดินเข้าไปใกล้ ก็ตระหนักว่าเขาได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่เมิ่งอู่คาดการณ์ไว้
ถึงร่างกายจะเต็มไปด้วยเลือดก็ช่างเถอะ เมิ่งอู่เริ่มตรวจสอบความแข็งแกร่งของเขาเป็นประการแรก มีบาดแผลทั่วภายนอกของร่างกาย แม้แต่ขาทั้งสองก็หักซะแล้ว
ก่อนหน้านี้แค่มองคู่ต่อสู้มากขึ้นสองครั้งก็ถูกฆ่าโดยไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้ถือเป็นการชดเชยแก่นางรึ?
เมิ่งอู่กล่าวขึ้นอย่างเป็นสุข: "ผู้ที่ทำกับเจ้าต้องโหดเหี้ยมสักเท่าใด ผู้ที่ดูดีเช่นนี้พวกเขาไม่เสียดายเลยถึงได้ลงมือหนักเยี่ยงนี้ได้"
อินเหิงหลับตาและกล่าวอย่างอ่อนแรง: "ก็มิใช่เพราะอิจฉาข้า"
ประโยคง่ายดายที่ว่า "อิจฉาข้า" นั้นเป็นผลให้มองข้ามการเข่นฆ่าที่น่าตื่นตระหนกของเขานี้ไปได้
เพราะใบหน้านี้ของเขา ทัศนคติของเมิ่งอู่ถึงได้เปลี่ยนไปมาก และถามไปว่า: "เจ้านอนอยู่ที่นี่มานานเท่าใด? หิวหรือไม่?"
"นอนอยู่เป็นเวลาวันครึ่ง"
“เช่นนั้นเจ้าคงจะหิวมาก ก่อนอื่นต้องเติมพลัง”
เมิ่งอู่กล่าวในขณะที่หักต้นข้าวฟ่างต้นหนึ่ง ใช้ฟันกัดส่วนเปลือกที่แข็งด้านนอก จากนั้นยื่นแกนที่มีน้ำข้างในให้แก่เขา แล้วพูดว่า "เคี้ยวเข้าสิ มันหวานนะ"
อินเหิงไม่ได้ขยับ และเขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงเคลื่อนไหว
เมิ่งอู่ได้สติกลับมาเลยหัวเราะสองครั้งอย่างไร้เหตุผล และฉวยโอกาสนี้เอาเปรียบโดยกล่าวว่า: "ถ้าเจ้ายอมให้ข้าจุมพิตสักครั้ง ข้าจะช่วยเจ้า"
หมายเหตุ
จั้ง เป็น 'ชื่อหน่วยวัดความยาว' หน่วยหนึ่งในมาตราวัดของจีน (พัฒนามาจาก 'ภาพอักษร' ที่แปลว่า 'มือ' จึงหมายถึง 'สิบ') โดยหน่วยความยาว 'หนึ่งจั้ง' จะหมายถึงความยาวประมาณ 'สิบฟุต' หรือประมาณ '3.3 เมตร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สวามีข้าโฉมงามดั่งปุบผา
คุณแอดมินมาอัพเดทบทต่อไปทีนะคะ อยากอ่านมากๆเลย...