"แล้วผู้ชายในรูปนี้คือใคร"
"จะใครอีกล่ะ ก็พ่อตามึงไง"
"พ่อตากู? มึงหมายถึงพ่อของมิลานน่ะเหรอ??"
"แล้วมึงมีเมียกี่คนล่ะ"
"มึงไม่ต้องมาเล่นลิ้นกับกูได้ไหมไอ้!!" เขารอฟังต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มร่างสูงได้ยันกายลุกขึ้น พร้อมกับคว้าคอเสื้อของเพื่อนให้ลุกขึ้นด้วย
"มึงจะบ้าหรือไงมึงจะชกกูเลยเหรอ" มกราตกใจไม่คิดว่าเพื่อนจะอารมณ์รุนแรงขนาดนี้
"ใจเย็นๆ กันก่อนสิครับพี่ ค่อยๆ คุยกัน" ในขณะที่กำลังจะมีการวางมวยกันมะลิซ้อนก็ได้รีบเข้ามาห้าม
"ถ้ามึงไม่รีบบอกมามึงแดกหมัดกูแน่!" แต่เหนือตะวันก็ไม่สนใจคำห้ามนั้นเลย
"กูก็บอกมึงอยู่นี่แล้วไง ว่าคนนี้คือพ่อของมิลาน และคนนี้ก็คือแม่ของเธอ" มกราเปิดไปอีกหน้าหนึ่งของอัลบั้มนั้น พอเห็นหน้าของแม่เธอเขาชัวร์ยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
"แล้วนั่นมึงจะไปไหนวะ"
ปล่อยคอเสื้อของเพื่อนออกแล้วเหนือตะวันก็รีบเดินมาที่ประตู
"กูต้องรีบกลับแล้ว"
"มึงจะรีบกลับไปไหนเพิ่งมาถึงไม่ใช่เหรอ"
"กูเจอเธอแล้ว" ชายหนุ่มร่างสูงรีบวิ่งออกมาจากห้องของคอนโดหรูนั้น เขาแทบจะอดใจรอลิฟต์ขึ้นมารับไม่ไหว เพราะตอนนี้หัวใจมันกระวนกระวายมาก
"รอผมด้วยครับ" มะลิซ้อนรีบหอบกระเป๋าวิ่งตามมาที่ลิฟต์ แต่ก็มาไม่ทันเพราะมันได้ปิดลงก่อนแล้ว
"มันจะรีบไปไหนของมันวะ" มกราก็รีบตามออกมา ทั้งสองก็เลยรอลิฟต์อีกตัวเพื่อขึ้นมารับ
แต่พอลงมาถึงก็ไม่เจอรถของเหนือตะวันแล้ว
"กูว่าพี่มึงคงทิ้งมึงแล้วล่ะไอ้มะลิ"
"แล้วผมจะกลับยังไงล่ะพี่" มะลิซ้อนหันมามองมกราแบบดวงตาที่เศร้าสร้อยอ้อนวอน
"หึ.. กูอีกแล้วใช่ไหม"
ขับรถมาเกือบสิบชั่วโมงกว่าจะมาถึงกรุงเทพฯ พอนั่งลงยังไม่หายเหนื่อยเลยด้วยซ้ำก็ต้องได้รีบขับรถกลับอีก ..แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนตอนขับรถมาเลย
เหนือตะวันแวะที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เพื่อล้างหน้าล้างตา ดื่มกาแฟและเติมน้ำมันให้เต็มถัง เตรียมความพร้อม ยังไงเขาต้องเซฟชีวิตของตัวเองเพื่อกลับไปเจอหน้าเธอให้ได้
ชายหนุ่มขับรถมาเกินครึ่งทางก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า ตาพร่ามัว เพราะร่างกายของเขาไม่ได้พักผ่อนนานหลายชั่วโมง แต่เขาก็ยังคงฝืนขับรถต่อไป
บ่ายคล้อยของวันเดียวกันนั้น
"คุณลุงปลูกตั้งแต่ตอนไหนคะเนี่ย" หญิงสาวลงมาส่งข้าวเที่ยงพ่อกับลุงซึ่งทั้งสอง ออกมาตั้งแต่เช้าแล้ว เพื่อมา ดูผักที่แปลงและจะปลูกเพิ่มอีกหลายอย่าง เพราะลุงพงษ์คิดว่าจะปลูกไว้เก็บกินได้ตลอดทั้งปี
แต่ก่อนมีแค่ป้ากับลุง ส่วนเหนือตะวันก็ไม่ค่อยอยู่บ้านถ้าไม่ค่ำมืดเพราะออกไปเที่ยวเตร่กับมะลิซ้อน แต่ตอนนี้มีอีกครอบครัวหนึ่ง ที่ลุงพงษ์คิดว่าต้องดูแล เพราะทุกคนทำอะไรยังไม่เป็นเลย แต่ลุงพงษ์ไม่คิดว่าจะเป็นภาระ กลับดีใจมากกว่าเหมือนมีญาติเพิ่มขึ้น
เย็นวันเดียวกัน..
"เดี๋ยวนะกูตาฝาดหรือเปล่า มึงเพิ่งไปเมื่อวานนี้ไม่ใช่เหรอวะ" เสกสรรเห็นรถวิ่งเข้ามาจอดทีแรกคิดว่าตัวเองคงตาฝาด แต่พอเห็นเจ้าของรถตัวเป็นๆ ลงมาถึงกับขยี้ตา
"กูฝากรถด้วย" เหนือตะวันจอดรถทิ้งไว้ที่บ้านของเสกสรรแบบนี้ทุกครั้ง เพราะขับลงไปถึงที่บ้านของป้ากับลุงไม่ได้ ที่รถอีแต๊กลงไปถึงเพราะมีล้อเฉพาะของรถ
"มึงยังไม่บอกกูเลยนะว่ามึงไปถึงแล้วเหรอถึงได้กลับมา..หรือว่าเจอเธอแล้ว?" เสกสรรมองเข้าไปในรถก็ไม่เห็นว่าเพื่อนมากับใคร
"กูไม่มีเวลาคุยกับมึงหรอก" เหนือตะวันยังคงก้าวเดินต่อไปแบบเร่งรีบ
"แล้วนี่มึงจะรีบไปไหน" เสกสรรยังคงเดินตามหลังเพื่อนมา
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเสกสรรคงยังไม่รู้เรื่อง และเขาก็ไม่มีเวลาอธิบายให้ฟังด้วย
ในระหว่างทางที่เดินลงมา ความคิดหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามาในหัว ว่าทำไมป้ากับลุงถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้เขาฟัง ทั้งๆ ที่มีโอกาสตั้งหลายครั้งก่อนที่เขาจะกลับกรุงเทพฯ ..แถมเสกสรรซึ่งชอบไปนั่งเล่นที่บ้านหลังนั้นก็ยังไม่รู้เรื่องอีก
"ป้ากับลุงดูแปลกๆ นะครับ มีอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าหรอกลุงกำลังจะออกไปทุ่งนา..ลุงปลูกผักไว้ไปก่อนนะ" ลุงพงษ์ถือได้อุปกรณ์ก็แยกตัวออกไปก่อน ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภรรยา
"ป้าครับ"
เพล้ง!
"ป้าตกใจอะไร" เหนือตะวันรีบเดินมาหยิบหม้อที่ป้าทำหลุดมือตอนที่เขาเรียกขึ้นมาให้
"ก็ป้าแก่แล้ว..ตกใจง่าย..มีอะไร"
"ผมลืมแล้วครับว่าจะถามอะไร ผมไปตักน้ำมาใส่ตุ่มให้ก่อนนะครับ" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไปถือถังน้ำ เพื่อที่จะไปหิ้วน้ำที่บ่อมาใส่ตุ่มไว้
"ตาพงษ์ไปแล้วเหรอครับ"
ในขณะที่เขาหิ้วน้ำมายังไม่เต็มตุ่มเลยด้วยซ้ำก็มีเสียงผู้ชายถามหาลุง
"ปะ..ไปแล้วค่ะ" ป้าวรรณีตอบผู้ชายคนนั้นแต่สายตามองไปที่หลานชาย ซึ่งเขาก็ทำเป็นไม่สนใจยังหิ้วน้ำต่อไป
"ถ้างั้นผมไปก่อนนะ มีอะไรจะฝากลงไปไหม"
"ไม่มีหรอกเดี๋ยวจะเอาตามลงไป..พ่อไปเถอะ"
ผ่านไปเพียงไม่นานน้ำก็ได้เต็มตุ่ม และป้าก็ทำอาหารเสร็จแล้วเพื่อที่จะเอาลงไปส่งคนที่ปลูกผักอยู่ทุ่งนา
"เดี๋ยวผมเอาไปส่งให้เองครับป้า"
"เราไม่ไปเที่ยวไหนเหรอ"
"ไม่หรอกครับผมว่าจะไปปลูกผักช่วยลุง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สยบรัก