เมื่อเห็นแบบนี้ เนลล์จึงไม่ได้พยายามเร่งหาคำตอบอีกต่อไป
กลุ่มของพวกเขาเดินผ่านทางเดินยาว ก่อนจะเข้าไปในห้องโถงของแท่นบูชา พวกเขาได้เห็นรูปปั้นสูงของนางฟ้าที่ตั้งตะหง่านอยู่ข้างหน้าของพวกเขา
รูปปั้นสีทองวาววับนั้นสูงแค่เพียงไม่กี่เมตร และเมื่อแสงแดดได้สาดส่องเข้ามาประทะ รูปปั้นนั้นก็สะท้อนแสงจ้ามาสู่สายตาของผู้ชม จนทำให้พวกเขาแสบตากันเลยทีเดียว
ลิซซี่ที่กำลังยืนอยู่ข้างใต้รูปปั้น ได้เงยหน้าขึ้นมองดูรูปปั้นตรงหน้าของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ว้าว เธอไม่ได้สูงมากหนิ?”
เนลล์หัวเราะออกมา “นี่คือนางฟ้าแสนสวยที่ลูกอยากเจอนักหนาไงคะ หากลูกมีความปรารถนาใด ก็ขอพรจากเธอได้เลยนะจ๊ะ”
ลิซซี่พยักหน้า เธอหลับตาและวางมือไว้บนหน้าตักขณะที่เริ่มอธิษฐาน
เคธี่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน แต่เนลล์และกิดเดียนไม่ได้เป็นคนเคร่งศาสนา แทนที่พวกเขาจะแสดงความเคารพต่อนางฟ้า พวกเขากลับมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้
จู่ ๆ วีมอนด์น้อยน้อยก็พูดขึ้นมาว่า
“ดูสิแม่! นั้นพี่สาวคนสวย!”
ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็ยกนิ้วขึ้นชี้ไปข้างหน้า
เนลล์มองตามทิศทางของนิ้วเขาไป
สายตาของเธอจึงไปหยุดอยู่ที่ภาพวาดบนฝาผนัง อย่างที่บอก บางครั้งการมองจากระยะไกลก็ดีกว่าการมองจากระยะใกล้ ทั้งหมดที่เธอรู้คือมันเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่รูปของนางฟ้า ยิ่งเธอเข้าใกล้ภาพวาดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งดูไม่ออกว่ามันเป็นภาพวาดของอะไร
รูปภาพบนฝาผนังถูกทาทุกเฉดสี มันจึงให้ความรู้สึกสบายตา เมื่อมองจากระยะไกล พวกเขาจูงมือของวีมอนด์น้อยให้เข้ามาใกล้กับภาพวาด แล้วเธอก็รู้ว่ามันเป็นรูปของผู้หญิงจริง ๆ
ผู้หญิงในรูปนั้นแต่งกายด้วยชุดสีทอง เธอยืนด้วยเท้าเปล่าอยู่บนก้อนเมฆ และเธอก็ดูสวยมากเป็นพิเศษ
เนลล์อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ลูกพูดถูก มันเป็นภาพของผู้หญิงที่สวยมากจริง ๆ ด้วย แม่ดีใจนะที่ลูกสายตาดีกว่าแม่...”
วีมอนด์น้อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย
กิดเดียนก็เดินมาดูด้วยเหมือนกัน เขาจ้องมองไปที่ภาพจิตรกรรมบนฝาผนัง แล้วรู้สึกขบขัน เขาจึงหัวเราะออกมา “ใครจะรู้ว่านางฟ้าแอฟริกาเหนือจะมีลักษณะเหมือนเอเชียตะวันออก? น่าตลกจริง ๆ”
เนลล์ตอบว่า “คุณพูดถูก แต่ในประวัติศาสตร์ก็ไม่เคยบอกนี่คะว่าชาวแอฟริกาเหนือเคยอพยพไปยังเอเชียตะวันออกรึเปล่า นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงบนภาพจิตรกรรมฝาผนังคนนี้จึงดูเหมือนกับพวกเรา”
กิดเดียนไม่ได้พูดอะไรต่อ พวกเขาสบสายตากันอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อลิซซี่อธิษฐานเสร็จแล้ว พวกเขาก็พาเธอออกไปจากห้องโถง
ขณะที่พวกเขากำลังเดินออกไป คนงานคนหนึ่งก็ออกมาเรี่ยไรขอเงินบริจาค
เนลล์คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
เพราะเธอคิดว่าการต้องจ่ายค่าตั๋วเข้าชม ก็มากเกินพอแล้ว
เนื่องจากพวกเขามาเที่ยวพักผ่อน เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอหยิบธนบัตรสองสามใบจากกระเป๋าเงินของเธอออกมา แล้วยื่นมันให้กับเขาไป
พวกเขายืนรอสักครู่ ก่อนที่เคธี่จะออกมาจากห้องโถงของแท่นบูชา
เธอรีบเดินเข้าไปหาเนลล์ และพูดว่า “เดาสิว่าฉันรู้อะไรมา เนลลี่?”
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ เนลล์ก็ยิ้มออกมา และถามว่า “รู้อะไรมาเหรอคะ?”
“เธอไม่ได้ถามฉันหรอกเหรอว่าใครเป็นคนสร้างที่นี่? ฉันรู้แล้วว่าเจ้าของวังแห่งนี้เป็นคนที่มาจากภาคตะวันออก”
เนลล์ตกใจหนักมาก
“ภาคตะวันออก?”
“ใช่แล้ว แต่พวกคนงานก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านี้แล้วนะ เพราะตอนที่ฉันถามเรื่องเงินของวัง พวกเขาก็บอกว่ามันถูกจัดการโดยใครบางคน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าใครเหมือนกัน”
เนลล์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
แต่หลังจากที่ได้ฟังเคธี่พูด มันก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่าง ที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับสถานแห่งนี้
แต่เธอก็ปัดความคิดนั้นออกไป และไม่ได้คิดอะไรกับมันมากนัก เพราะถึงยังไงมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยอยู่แล้ว
คนงานที่ขอเงินบริจาคในก่อนหน้านี้ บอกกับพวกเขาว่า ถ้าจะได้กินผลไม้ที่ได้รับพรจากพระที่อยู่ด้านหลังของวังแห่งนี้แล้วจะได้รับโชคลาภ
เนลล์และกิดเดียนไม่ได้สนใจ เกี่ยวกับเรื่องผลไม้เลยแม้แต่น้อย แต่เนื่องจากพวกเขาได้เข้ามาเยี่ยมชมถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว พวกเขาจึงอยากจะเข้าไปดูให้เห็นกับตา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สิ่งที่เธอต้องการทำก็คือใช้ชีวิตที่เหลือไปกับฌอน เธอไม่มีญาติที่ไหน แต่ตอนนี้ เธอมีเนลล์แล้ว เธอจึงรู้สึกว่าความว่างเปล่าในหัวใจของเธอ ได้ถูกเติมเต็มแล้ว
เมื่อพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ เธอจึงไม่จำเป็นต้องแสวงหาความเชื่อทางวิญญาณจากเหล่าทวยเทพ
ถึงอย่างนั้น เนลล์ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกอย่างนั้น ทั้งหมดที่เธออยากบอกก็คือ เคธี่ไม่ควรก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้อีกเลย
เมื่อเธอนึกถึงเรื่องนั้น เธอจะต้องรีบบอกกับลุงฌอนให้รู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้น เมื่อเธอกลับไปถึงที่คฤหาสน์แล้ว
ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ของเธอ ทำให้เธอเดินไปที่ทางออกโดยไม่หันหลังกลับมามองมันอีกเลย
ในเวลานี้ กิดเดียนกลับหยุดเดิน
เนื่องจากว่าพวกเขาจับมือกันอยู่ เนลล์จึงหยุดเดินด้วยตามธรรมชาติ เมื่อเธอรู้สึกว่าไหล่ของเธอกำลังถูกดึงเบา ๆ
เธอหันหน้าไปมองกิดเดียนแล้วถามว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีรึเปล่า?”
เขาจ้องมองไปตามทางอย่างเงียบ ๆ
เธอมองตามเขาไป และพบว่าตัวเองกำลังมองไปยังโถงทางเดินของพระราชวัง ที่นั่นไม่มีอะไรมาก มีเพียงแค่คนเดินสัญจรกันไปมา และมีนักท่องเที่ยวแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เธอย่นหน้าผากของเธอขึ้น
"คุณมองหาอะไรอยู่เหรอ?"
กิดเดียนมองออกไปข้างหน้า
เขาส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
หลังจากนั้น เขาก็ถามกับเคธี่ว่า “ตอนนี้ก็สายมากแล้ว เราควรกลับไปพักผ่อนกันดีไหมครับ?”
เคธี่ก้มมองดูเวลา ก่อนจะตระหนักได้ว่ากิดเดียนพูดถูก เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว
นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาออกมาจากคฤหาสน์ เวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านมาถึงหกเจ็ดชั่วโมงแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องโกหก ถ้าพวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก