แน่นอนว่าเจฟฟ์ไม่รู้ว่าคำวิจารณ์เหล่านี้ทำให้เขาดูตลก
เขาจิบน้ำชา จากนั้นจึงวางถ้วยชาลงแล้วมองเนลล์ด้วยสายตาอ่อนโยนอีกครั้ง
“ตามปกติแล้ว ผมจะทำตามที่ผมพูด แน่นอนว่าคงเป็นเรื่องดี หากคุณเจนนิงส์เชื่อแบบนั้น”
เนลล์พูดอย่างเย็นชา “เอาเลย แล้วอธิบายความหมายเรื่องที่คุณพูดที่บ้านพักตาอากาศมาด้วย คุณรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อสิบปีก่อนฉันตกเป็นเป้าหมาย? นอกจากนั้นคุณยังบอกอีกว่าคนที่ตามไล่ล่าฉัน กิดเดียนเป็นคนส่งมา คุณมีหลักฐานอะไร?”
เจฟฟ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังใช้ความคิดว่าจะตอบคำถามเธออย่างไร
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “คุณนึกความทรงจำที่หายไปสามเดือนไม่ออกจริง ๆ หรือ?”
เนลล์ไม่แม้แต่จะลังเล “ใช่”
“แล้วคุณนึกความทรงจำเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณไปยังประเทศเอฟเมื่อสิบปีก่อนได้มากน้อยเพียงใด?”
“ฉันจำทุกอย่างหลังจากนั้นได้ แต่สำหรับเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุ...” เนลล์นิ่งไป “ความทรงจำสุดท้ายที่ฉันจำได้คือ ฉันขึ้นเรือสำราญ แล้วฉันก็ลืมเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด”
“ผมเข้าใจแล้ว”
เจฟฟ์ก้มหน้าลงเล็กน้อย ราวกับเขากำลังพูดกับตัวเอง
เนลล์ขมวดคิ้ว “ตอนนี้คุณจะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เจฟฟ์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นพลางส่งยิ้มให้เธอ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “แน่นอนครับ ผมจะบอกคุณ เพราะคุณช่วยชีวิตผมเอาไว้แต่แรก ถ้าไม่ได้คุณ ก็คงไม่มีเจฟฟ์ ฟลินเดอร์อยู่ตรงนี้”
เนลล์ตกใจมาก
“ช่วยคุณเหรอ? เป็นไปได้อย่างไร?”
เธอใจหาย แล้วจู่ ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่มีแสงสีขาววาบขึ้นมาในสมองของเธอ ก่อนจะมีความเจ็บปวดรุนแรงตามขึ้นมาทีหลัง
เนลล์ยกมือจับที่มุมโต๊ะทันที ใบหน้าของเธอเริ่มซีดเผือดลงไปทุกทีเพราะความเจ็บปวด ทว่าเธอยังกัดฟันทนโดยไม่เปล่งเสียงใดออกมา
เจฟฟ์ลุกขึ้นเดินไปหาเธอ จากนั้นเขาจึงย่อตัวลง แล้วยกมือขึ้นวางประคองศีรษะของเธอเอาไว้
“ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดมาก ฟังผม สงบเถิด คุณจะรู้สึกได้ถึงกระแสน้ำอุ่นที่แผ่ซ่านแทรกซึมผ่านหนังศีรษะของคุณ แล้วความเจ็บปวดจะค่อย ๆ บรรเทาเบาบางลง ใช่ อย่างนั้น อย่าต่อต้านการช่วยเหลือเลย ผ่อนคลาย ใช้เวลา...”
เสียงกระซิบแผ่วเบาของชายผู้นั้นดังขึ้นที่ข้างหูของเนลล์ ซึ่งตอนแรกเธออยากจะปฏิเสธ
แต่ในที่สุด เมื่อกระแสความอุ่นเหมือนน้ำพุร้อนไหลแทรกซึมผ่านหนังศีรษะของเธอ หญิงสาวรู้สึกราวกับกำลังถูกโยนลงไปในน้ำพุร้อน และแล้วเธอก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นทันที
หลังจากเวลาผ่านไป อาการปวดศีรษะของเธอก็ค่อย ๆ ทุเลาลง
เจฟฟ์ผละออก แล้วถามเธอด้วยความเป็นห่วง “เป็นอย่างไรบ้างครับ? ตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
เนลล์ลืมตาขึ้นช้า ๆ และทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็พบกับดวงตาที่แฝงด้วยความกังวลคู่หนึ่ง
เธอรีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
“เมื่อกี้คุณทำอะไรกับฉัน?”
เมื่อเห็นว่าเธอถอยหลังกลับไป เจฟฟ์มองดูด้วยความเจ็บปวด
ถึงอย่างไรก็ตาม เขาเก็บซ่อนความรู้สึกได้ดีมาก ดังนั้นเขาจึงซ่อนสีหน้านั้นได้ในชั่วพริบตา และเปลี่ยนกลับมาเป็นท่าทางอ่อนโยนและสง่างามดังเดิม
“อาการปวดศีรษะของคุณเกิดจากการที่คุณต้องการฝืนคิดถึงความทรงจำที่ถูกลบไป ผมเพิ่งฉีดน้ำมันหอมบริสุทธิ์ให้คุณเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด มันแค่จะทำให้คุณดีขึ้นเท่านั้น และไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด”
“จริงเหรอ?”
เนลล์ขมวดคิ้ว
ถ้าเธอไม่ได้ยินกับหู เธอคงจะคิดว่าเธอกำลังอ่านนวนิยายศิลปะการต่อสู้
เจฟฟ์เลิกคิ้วแล้วมองไปที่เธอ เมื่อเขาสังเกตเห็นความสงสัยในแววตาของเธอ เขาก็เผยยิ้มออกมา
“ไม่เชื่อผมหรือ? ถ้าอย่างนั้นผมจะแสดงให้คุณดูอีกครั้งหนึ่ง”
ทว่าพวกเขาแทบไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชายคนนี้เลย ยกเว้นเรื่องที่เขามาจากตระกูลฟลินเดอร์
เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?
มันหมายความว่า ต่อให้พวกเขาจะพยายามมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็เหมือนถูกผ้าปิดตาเอาไว้
เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักตัวตน ที่มา และจุดประสงค์ที่ชัดเจนของเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดาความเคลื่อนไหวของเขาได้
มันเหมือนเดินอยู่ในความมืดมิด...ศัตรูเดินอยู่ในที่มืด ขณะที่คุณอยู่ในที่สว่าง และไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม คุณสามารถตกเป็นเป้าของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย แต่คุณทำได้เพียงนั่งรอความตาย
เมื่อรู้เช่นนี้ ใบหน้าของเนลล์ก็เริ่มซีดลง
เจฟฟ์ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก เขาจึงคิดว่าเธอเพียงแค่หวาดกลัว
เขาเผยยิ้มจาง ๆ แล้วพูดขึ้น “คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกกลัว แม้ว่าผมจะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง แต่พลังเช่นกำลังภายในนั้นไร้ซึ่งประโยชน์มานานแสนนานแล้วในยุคของคุณ คุณมีเครื่องบิน จรวด ปืนใหญ่ และปืน ไม่ว่าผู้นั้นจะทรงพลังเพียงใด ก็ยังคงเป็นต่อเมื่อสู้กับมนุษย์ และไม่อาจเทียบได้กับอาวุธเหล่านั้น”
แน่นอนว่าเนลล์เองก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง
ถึงอย่างไรก็ตาม ใครจะไม่ตกใจบ้างเมื่อได้เห็นสิ่งนั้นกับตาตัวเอง?
เธอกลืนน้ำลาย และหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เธอก็สงบลงในที่สุด
เธอจ้องมองไปที่เจฟฟ์แล้วเอ่ยถามขึ้น “คุณเพิ่งพูดว่ายุคของเราอย่างนั้นเหรอ? คุณเองก็อยู่ในยุคเดียวกับเราไม่ใช่เหรอ?”
เจฟฟ์ส่ายหน้า
มีความอาลัยอาวรณ์ที่เห็นได้ยากจากใบหน้าที่หล่อเหลาและอ่อนโยน
“ช่วงเวลาของผมนั้นช่างไกลแสนไกลจากช่วงเวลาของคุณ ไกลเหลือเกิน...แม้ว่าผมจะอยากกลับไป ก็ไม่อาจทำได้”
ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็มองออกไปยังนอกหน้าต่าง โดยเพ่งสายตาไปยังที่ใดที่หนึ่งบนผิวน้ำทะเล แต่ดูเหมือนกับว่าเพ่งมองไปก็ไม่เห็นอะไรเลย กลับกัน เขาแค่มองไปยังความว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไป ราวกับว่าเขามองเห็นความลึกล้ำของห้วงเวลาผ่านความว่างเปล่า
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เนลล์จึงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นด้วยความสับสน “ทำไม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก