นาตาลีรู้สึกโกรธมาก จนหน้าของเธอเปลี่ยนสี เอมิเลียรู้สึกกังวลที่เธอโกรธ เธอจึงอธิบาย “พี่ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดเลยนะคะ เราเคยเจอกันโดยบังเอิญเมื่อสองสามวันก่อนเอง เรารู้จักกันแค่ไม่กี่วัน ไม่มีใครที่พยายามหรือปิดบังอะไรจากพี่เลยนะคะ เชื่อฉันสิ”
ตอนนี้โจเอลไม่ต้องการทำให้แม่ของเขาเกรี้ยวกราด
เขาจึงเสริมขึ้นมาว่า “ใช่ เราเจอกับคนมากมายในแต่ละวัน ผมจะรู้ได้ไงว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่บ้าง? ผมไม่สามารถโทรหาแม่ได้ทุกวัน เพื่อที่จะรายงานให้แม่รู้ได้หรอกจริงไหมครับ?”
น้ำเสียงของเขา บ่งบอกว่าเขาก็รู้สึกผิด
นาตาลีฟัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราอย่างกระแหนะกระแหน เมื่อสังเกตได้ว่าโจเอลรู้สึกผิด
“ก็ได้ ในเมื่อแกยังสวนกลับฉันอยู่ ฉันก็คงไม่มีอะไรพูด โอเค ฉันจะหุบปาก! อยากจะทำอะไรก็ทำไป ฉันไม่สามารถบังคับอะไรแกได้อีก ฉันขี้เกียจที่จะสนใจแกแล้ว!”
เมื่อเธอพูดอย่างนั้น เธอก็กลับไปนั่ง แล้วเธอก็เริ่มโกรธไม่พูดไม่จา
บรรยากาศจึงดูน่าอึดอัดมาก
โจเอลเหลือบมองไปที่เอมิเลียที่ส่ายหัวอย่างช่วยอะไรไม่ได้
ในที่สุด เขาก็เข้าไปหานาตาลี เขาพูดกับเธอว่า “โอเค แม่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะผิด แต่ผมก็ยังเป็นลูกของแม่นะ แม่ไม่เชื่อผมเหรอ?”
นาตาลียังคงเงียบ ในขณะที่เธอกำลังเป็นกังวลอยู่
โจเอลนวดขมับที่มีอาการปวดของเขา
ในตอนนี้ ไฟที่อยู่เหนือหน้าห้องผ่าตัดก็ดับลง เป็นสัญญาณที่บอกว่าการผ่าตัดได้จบลงแล้ว
ทันทีที่ไฟดับลง ทุกคนก็เริ่มมีความสนใจและลุกขึ้นยืนทันที
หมอออกมาอย่างรวดเร็ว
“ใครเป็นคนในครอบครัวบ้าง?”
โจเอลกับนาตาลี รีบเข้าไปหาหมอ
“ผมครับ”
“ฉันเองค่ะ”
หมอมองไปที่พวกเขา เนื่องจากที่นี่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ คนไข้ถูกนำตัวส่งมาที่นี่ทันทีโดยที่หมอก็ไม่ได้สนใจว่าคนไข้เป็นใคร
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจึงไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นใครมาจากไหน พวกเขาเพิ่งทำการผ่าตัดเสร็จ ไม่ได้วิตกกังวล หรืออยากรู้ว่าคนไข้เป็นใคร
เขาพูดว่า “การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว อย่างไรก็ตาม ขาและซี่โครงของเขามีหักหลายจุด พวกคุณต้องระวังอย่าปล่อยให้เขาได้ทำอะไรอย่างไม่ยั้งคิด ปล่อยให้เขาได้พักฟื้นสักครึ่งปีก่อน”
คนที่ได้ฟัง พวกเขาได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ขอบคุณครับคุณหมอ”
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”
หมอโบกมือของเขา ก่อนจะพูดว่า “เขายังไม่ตื่น แต่พวกคุณสามารถไปเยี่ยมเขาได้ที่แผนกคนไข้ได้สักพัก พยาบาลจะบอกให้พวกคุณทราบอีกที”
พวกเขาฟังและพยักหน้ากันอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน พยาบาลก็เข็นเตียงออกมาจากห้องผ่าตัด
ซาเวียร์ยังคนนอนหมดสติอยู่ ใบหน้าของเขาซีด เมื่อได้เห็นแบบนั้นแล้ว โจเอลกับนาตาลีก็รู้สึกหัวใจเต้นแรง
เอมิเลียซึ่งยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา ตัวแข็งทื่อทันที เมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นนอนอยู่บนเตียง
ผู้ชายคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องในช่วงวัยเด็กของเธอ
เธอรักและชื่นชมเขา ถือว่าเขาเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตเธอเลย
ในตอนนั้น เธอไม่สนใจใครหรือสิ่งใด ๆ เลยนอกจากเขา
แต่ทว่าในความเป็นจริง ตอนนั้นเธอคิดว่าเขายังโสดอยู่
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังคบกับพี่สาวของเธออยู่
ถ้าเธอรู้เรื่องพวกนี้…
เธอแน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ พวกนี้จะต้องแตกต่างไปอย่างแน่นอน
เอมิเลียมีความทรงจำที่คลุมเครือเกี่ยวกับคืนที่โหดร้ายนั้น พวกเขาได้ทำอะไรลงไปหรือเปล่า?
นอกจากนี้แล้ว เมื่อเช้าเธอก็ได้พูดคุยกับนาตาลีเป็นเวลานาน และเธอก็ได้พูดส่วนของเธอแล้ว
พวกเขาเพียงแค่ต้องแปลความหมายข้อความบางอย่างด้วยตัวเอง
นั่นเป็นการทำงานของมนุษย์ บางครั้งเราก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมากเกินไป
เธอเพียงแค่บอกอะไรบางอย่างแค่นั้นเอง ที่เหลือก็เป็นเรื่องของโชคชะตา
ถ้าพวกเขายังไม่เชื่อใจเธอ และให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอก็คงจะทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น เอมิเลียก็กวักมือเรียกโจเอล
“โจเอล ฉันรู้สึกดีขึ้น หลังจากที่พ่อเธอตื่นแล้ว ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
ถึงแม้ว่าโจเอลจะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวที่เกิดขึ้นระหว่างเอมิเลียกับแม่เขา แต่เขาก็เข้าใจดีว่าแม่เขาไม่ได้ชอบที่เอมิเลียอยู่ที่นี่เท่าไร่
ดั้งนั้นเขาจึงพยักหน้า เมื่อเอมิเลียพูดกับเขา
“โอเคครับ คุณต้องการให้ใครไปส่งคุณไหม?”
เอมิเลียส่ายหัว
“ไม่เป็นไร ฉันขับรถมาเอง”
ด้วยเหตุผลนี้ โจเอลจึงไม่ได้บะงคับเธออีกต่อไป
หลังจากที่เธอจากไป โจเอลก็กลับไปที่แผนกผู้ป่วยเพื่อให้พ่อของเขามีกำลังใจ เขาถอนหายใจ
“พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว บอกพี่แล้วหรือยัง?”
นาตาลีตัวแข็งและนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมติดต่อเลย
ดังนั้นแล้ว เธอจึงบอกให้โจเอลโทรหาจอห์น เพื่อบอกข่าวเกี่ยวกับการพักฟื้นของพ่อ
จอห์นรู้สึกโล่งใจเช่นกัน เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์
พ่อของเขาไม่เป็นอะไรแล้ว ที่บริษัทก็ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อประธานได้พ้นขีดอันตรายแล้ว จึงไม่มีความเร่งรีบอะไรที่จะไปเยี่ยมเขา จอห์นจึงนัดกับโจเอลว่าจะไปที่โรงพยาบาลหลังเลิกงาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก