ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
"ใช่ เธอพูดถูก"
“ใครจะเข้าไปได้โดยที่ไม่มีกุญแจ? ไม่มีใครสามารถบินเข้าไปได้!”
“พูดอีกอย่างก็คือ มันไม่สามารถทำได้โดยพนักงานในครัว”
คนหัวใสกล่าวเสริม
“หรือว่าใครคนนั้นจะขโมยกุญแจออกมาแล้วนำมันไปคืนทีหลัง?”
ชายหนุ่มผู้รับผิดชอบกล้องวงจรปิดส่ายหน้า
“สิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้ ผมเก็บกุญแจไว้กับตัวเองตลอดและไม่เคยนำมันออกเลย ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะถูกขโมย”
ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกสับสน
ไม่มีใครขโมยกุญแจไป แต่กล้องวงจรปิดถูกดัดแปลงแก้ไขจริง ๆ แล้วมันจะเป็นฝีมือของใคร หรือว่าผี?
เมื่อคิดเช่นนี้ ใครบางคนก็หน้าซีดเซียว
วิกกี้ไม่เชื่อเรื่องการมีอยู่ของผี
ด้วยใบหน้าที่สงบและการจ้องมองที่เย็นชา เธอจ้องมองไปทุกใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ในที่สุดสายตาของเธอก็จับจ้องไปยังเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ที่มุมห้อง
เด็กสาวดูเด็กมาก เธอมีอายุราว ๆ สิบหกหรือสิบเจ็ดปี อาจจะพูดได้ว่าเธอยังไม่โตพอที่จะทำงาน
อย่างไรก็ตาม วิกกี้ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเคยเดินผ่านสวนอยู่ครั้งหนึ่งและได้ยินคนรับใช้พูดคุยกันว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว
ถ้าตอนนี้เธออายุราว ๆ สิบหกหรือสิบเจ็ด จึงหมายความว่าเธอมีอายุเพียงแค่สิบสาม หรือสิบสี่ปีเมื่อสามปีที่แล้ว!
หากไม่นับข้อเท็จจริงที่ว่าเกรกอรียอมให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มาทำงานเป็นสาวใช้ที่นี่ เมือตอนที่วิกกี้ได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้สึกเสียใจ เห็นอกเห็นใจ และให้ความสนใจกับเด็กผู้หญิงคนนั้น
เด็กหญิงกำลังก้มหน้าลงต่ำจนแทบจะฝังอยู่ในอก
มือของเธอข้างหนึ่งกำลังจับที่ชายเสื้อของเธออย่างกระวนกระวาย และเธอก็ดูเป็นกังวลและหวาดกลัว
วิกกี้อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“เธอเป็นอะไร?” จู่ ๆ เธอก็ถาม
ทุกคนชะงักแล้วหันไปมองที่หญิงสาวทันที
เมื่อรู้สึกได้ถึงการจ้องมอง หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวและหวาดกลัว
“ฉัน ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ…”
แม้ว่าเธอจะปฏิเสธ แต่เสียงของเธอก็สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เธอกำลังกระวนกระวายอยู่ภายในใจ
การแสดงออกของวิกกี้มืดมนลง
เมื่อมาถึงจุดนี้ ยูเลียนาก็เห็นได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อเธอตระหนักได้ เธอจึงลุกขึ้นและดึงหญิงสาวออกจากฝูงชนทันที
"ตอบมาสิ! เธอเป็นคนที่ขโมยรังนกไปเหรอ?”
น้ำเสียงของเธอแหลมคมด้วยความโกรธ จนทำให้หญิงสาวตัวสั่นด้วยความกลัวและคุกเข่าลงต่อหน้าทันที
“ฉันไม่ได้! ฉันไม่ได้ขโมยไป! ฉันเจอรังนกอยู่ในสวน!”
ทุกคนตกใจกับคำพูดของเธอ
ดูเหมือนว่าแอนเดรียคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเธอเย็นชาลง จากนั้นเธอก็หันหลังออกไปทันที
วิกกี้ไม่ได้หยุดเธอ แน่นอนว่า ในไม่ช้าแอนเดรียก็กลับมาพร้อมกับกล่องรังนกคุณภาพสูง
เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“แค่นั้นก็ชัดเจนแล้ว รังนกอยู่ในมือของเธอ และเธอเองก็เป็นคนเดียวที่สามารถตัดต่อวิดีโอได้ แล้วใครจะสับเปลี่ยนรังนกได้ถ้าไม่ใช่เธอ หรือเธอจะบอกว่าอาจจะเป็นฉัน หรือว่าวิกกี้ที่จงใจสับเปลี่ยนรังนกเพื่อใส่ร้ายเธอ?”
ในขณะที่ยูเลียนาพูด เธอก็เอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองไปที้วิกกี้
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ต้องการที่จะเอ่ยชื่อของวิกกี้เท่าไหร่
แม้ว่าเจียน่าจะยังคงปฏิเสธว่า 'ไม่ใช่ฉัน' และ 'ฉันไม่ได้ทำ' แล้ว เธอก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้อีก
อย่างไรก็ตาม การโต้แย้งเหล่านั้นก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อวิกกี้เห็นสถานการณ์เธอจึงขมวดคิ้ว
ด้วยสัญชาตญาณของเธอ เธอรู้สึกว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดคงไม่ใช่เรื่องโกหก
แต่ในเมื่อตอนนี้หลักฐานนั้นวางอยู่ตรงหน้าเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้
เธอมองไปที่พ่อบ้านออสบอร์นแล้วพูดว่า “คุณออสบอร์น ฉันฝากเรื่องนี้ให้คุณจัดการด้วย”
พ่อบ้านออสบอร์นชะงักเล็กน้อยและพยักหน้าตอบรับ
เขาพูดกับเจียน่าว่า “เนื่องจากว่าเธอทำความผิดครั้งแรกและเธอยังเด็ก ดังนั้นฉันจะไม่เรียกตำรวจและส่งเธอเข้าคุกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องออกไปจากที่นี่และอย่ากลับมาที่นี่อีกเข้าใจไหม?"
จากนั้นเขาก็มองไปที่เกรกอรีราวกับว่าเขากำลังรอฟังคำสั่ง
เกรกอรีไม่ได้พูดอะไร จึงแปลว่าเขาเห็นด้วยกับคำตัดสิน
พ่อบ้านออสบอร์นสั่งสาวใช้สองคนว่า “ทั้งสองคนไปช่วยเธอจัดของแล้วส่งเธอออกไป”
สาวใช้ทั้งสองพยักหน้าตอบรับ ในขณะที่เจียน่ายังคงร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้ เรน่าจึงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
แม้ว่าเธอจะทำผิดพลาดแต่เธอก็ยังเด็ก และเธออาจจะทำไปเพราะแรงกระตุ้น
ดังนั้นเรน่าจึงเดินเข้ามา และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เธอจะร้องไห้ไปทำไม? ร้องไห้หลังจากที่ทำผิดพลาดไปเพื่ออะไร? จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของเธอ เมื่อเธอไปอยู่กับอาจารย์คนใหม่และอย่าทำผิดพลาดแบบเดิมอีกเข้าใจไหม?”
เจียน่าพยักหน้า ในขณะที่เธอยังคงสะอื้นไห้ “ฉันเข้าใจแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก