เธอทรุดตัวลงบนพื้น เพราะร่างกายที่ยังคงอ่อนล้าของเธอ
สองเสียงดังก้องอยู่ภายในใจ
หนีไป? ไม่ อย่าไป?
เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอรู้สึกว่าเธอคิดถึงสถานที่แห่งนี้ ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับว่ามันติดอยู่ภายในใจของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็พยายามปฏิเสธมันด้วยจิตใต้สำนึกของเธอ
หยาดเหงื่อเย็นไหลหยดลงบนหน้าผากของเธอ ริมฝีปากของเธอค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว ในขณะที่ฉากต่าง ๆ ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอราวกับภาพยนตร์ในทันใด
“พี่ชาย พี่คิดว่านี่เป็นยังไงบ้าง?”
“น้องสาว อย่าเด็ดดอกไม้นี้อีกเลย ดอกไม้ที่บานสวยสะพรั่งนี้ ถ้าเราเด็ดมัน มันก็จะตายลงและจะไม่สวยอีกต่อไป”
“แต่ที่ดอกไม้สวยก็เป็นเพราะว่า มันต้องการให้คนเลือกเด็ดมันไม่ใช่เหรอ? พี่น่ะหัวโบราณมาก รูบี้ไม่ชอบพี่แล้ว ฮึ่ม!” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ขุ่นเคืองอย่างหนัก และจากไปด้วยความโกรธ
เด็กชายซึ่งมีรูปร่างสูงกว่าเธอเพียงเล็กน้อย ขมวดคิ้วเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาเขินอายเล็กน้อยในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าและดึงตัวเธอกลับมา “ก็ได้ ๆ อย่าโกรธเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปเด็ดมาให้ตกลงไหม?”
เด็กหญิงมองเขาอย่างอ้อนวอนและกะพริบตาราวกับลูกสุนัข "จริงเหรอ?"
"จริงสิ" เด็กชายขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำหมัดแน่น และพูดว่า “เดี๋ยวพี่มา รออยู่ตรงนี้นะ”
จากนั้นเขาก็เดินไปที่พุ่มดอกไม้ที่เติบโตท่ามกลางพงหนาม
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ รออยู่ที่ด้านข้าง เธอชี้ไปที่ดอกไม้และบอกให้เขาเด็ดดอกที่เธอต้องการอย่างมีความสุข เมื่อเห็นว่าเขาเก็บทุกดอกที่เธอชอบ เธอจึงรู้สึกดีใจมาก
ร่างของเด็กชายถูกหนามทิ่มแทงจนเจ็บหลายที่ แต่เขาก็ยังคงกัดฟันจนผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เด็ดดอกไม้ให้เธอได้เพียงพอ จากนั้นเขาก็เดินออกมา
เธอรับดอกไม้มาอย่างมีความสุขในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นและหอมที่แก้มของเขา เธอพูดอย่างเฉียบขาดว่า “พี่ชาย พี่เก่งที่สุด ฉันชอบพี่มากที่สุดเลย”
เด็กชายเหลือบมองเธออย่างช่วยไม่ได้ เขาส่ายหน้าและพูดว่า “นี่ก็ดึกแล้ว คุณยายน่าจะรอเราอยู่ รีบกลับบ้านกันเถอะ”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พยักหน้า จากนั้น เด็กชายก็เอื้อมมือไปจับที่มือของเธอ แล้วทั้งสองก็เดินกลับบ้านด้วยกัน
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ดวงอาทิตย์สาดแสงสีทองและส่องลงบนร่างเล็ก ๆ ทั้งสอง จนทำให้เห็นมองเงาที่ยาวและกว้างของพวกเขา
วิกกี้ตื่นขึ้นในทันใด เธอลืมตาขึ้นด้วยความหวาดกลัว และไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ
มันเป็นไปได้อย่างไร?
เกิดอะไรขึ้นกับฉากเหล่านั้น? เธอไม่เคยเห็นเด็กสองคนนั้นหรือไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แล้วนับประสาอะไรกับฉากเหล่านั้นที่ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ
เหตุใดฉากเหล่านั้นจึงแจ่มชัดอยู่ภายในใจของเธอ?
มันชัดเจนราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นกับเธอจริง ๆ ใครคือเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีใบหน้าที่เฉียบคมและบอบบางคนนั้น? แล้วจะเป็นใครถ้าไม่ใช่เธอในตอนที่เธอยังเด็ก?
ถ้าเช่นนั้น...มันคือเธอจริง ๆ เหรอ?
เธอเคยมาที่นี่อย่างนั้นเหรอ?
แล้วเด็กชายคนที่เธอเรียกว่าพี่เป็นใครกัน?
จู่ ๆ วิกกี้ก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอได้เรียกใครบางคนว่าพี่ชาย
ใบหน้าของเธอซีดลงทันใด เธอหมอบลงกับพื้น ในขณะที่เธอจับที่ศีรษะของเธอ และต่อต้านอย่างสิ้นหวัง
เมื่อเชย์ได้ยินเช่นนี้เขาก็ยิ่งงุนงงมากขึ้น “ผมคิดว่ามันเป็นเพียงแค่กลิ่นหอมผ่อนคลายธรรมดาที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดเกราะป้องกันของเธอที่มีต่อแอมเบอร์ และสามารถทำให้แอมเบอร์ชนะใจเธอได้ จากนั้นแอมเบอร์ก็จะได้พาเธอออกมาตามแผนของเราอย่างเชื่อฟัง"
ลูเซียสส่ายหน้า “ถ้าหากเป็นเพียงการช่วยให้แอมเบอร์ได้รับความไว้วางใจจากเธอ ก็มีวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย และไม่จำเป็นต้องเสียของดีเช่นนี้ไป นายรู้ไหมว่าอาจารย์ของฉันได้มอบสิ่งนั้นให้กับฉัน มันเป็นเพียงขวดเล็ก ๆ ที่มีขวดเดียวในโลกนี้เท่านั้น และฉันก็ได้ใช้มันทั้งหมดไปกับเธอ
“แต่มันก็จริงที่ว่า เธอยังคงไม่เชื่อเต็มร้อยว่าเธอเป็นน้องสาวฉัน หึ! ใครก็ตามที่ได้รับการฝึกฝนจากเกรกอรีนั้นช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ”
เขายกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย และจิบไวน์ในมือของเขา
ดวงตาของเชย์เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “คุณหมายความว่า สิ่งที่คุณให้แอมเบอร์ไปก่อนหน้านี้คือ...”
ลูเซียสพยักหน้า “สารประสาทหลอน ขวดสุดท้ายในโลกนี้ได้หายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่ออาชีพที่ก้าวหน้าของฉัน ฉันคงไม่อยากจะใช้มันจริง ๆ แต่ถ้าหากว่าฉันสามารถใช้เธอล่อให้เกรกอรีมาติดกับดักที่เราวางเอาไว้ และจัดการเขาเพื่อให้กองทหารมังกรล่มสลายไปอย่างสมบูรณ์ และถ้าเราจะสามารถเอาชนะตระกูลเกรแฮมได้ด้วย นั่นก็คงจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด"
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา เชย์ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นเต้นภายในดวงตาของเขา “คุณพูดถูก ผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญต่อเกรกอรีมาก ตราบใดที่เธออยู่ในกำมือของเรา เกรกอรีก็จะต้องเกรงกลัวต่อเรา จากนั้นการล้มเขาก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณทันที"
ลูเซียสหัวเราะในขณะที่เขารับฟัง
อย่างไรก็ตาม การกระทำของบุคคลบนหน้าจอก็ได้เปลี่ยนไป
ทั้งสองคนตกตะลึง พวกเขาหยุดหัวเราะและจ้องมองไปที่หน้าจอและได้เห็นว่า บุคคลบนหน้าจอค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนหลังจากที่เธอดิ้นรนอย่างเจ็บปวด
เธอยืดตัวขึ้นและมองออกไปด้วยสายตาที่มั่นคง เธอขยับขาอย่างยากลำบาก และเดินออกไปทีละก้าว
ทันใดนั้นการแสดงออกของทั้งสองก็เปลี่ยนไป
ลูเซียสสูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา “ไม่น่าเชื่อเลยว่า จิตของเธอจะแข็งแกร่งมากเช่นนี้ แต่ในเมื่อเธออยู่ที่นี่แล้ว เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอหนีไปได้อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก